รถยนต์ในประเทศ

​ อาวดี้  เตรียมเปิดศูนย์กระจายอะไหล่เพิ่มสต๊อกอีก 3 เท่า

หลังเปิด Audi Thailand Centre  โชว์รูมและศูนย์บริการ Audi ที่ทันสมัยที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  อาวดี้ ประเทศไทย ก็ประกาศเดินหน้ารุกเต็มพิกัด เพิ่มความมั่นใจให้ลูกค้า ด้วยการยกระดับคุณภาพการบริการหลังการขายให้มีความครบวงจรเพิ่มขึ้นไปอีก เผยศูนย์กระจายอะไหล่และศูนย์เตรียมรถใหม่ตามมาตรฐาน Audi เสร็จสมบูรณ์แล้ว  พร้อมสั่งเพิ่มปริมาณอะไหล่ในสต๊อกอีก 3 เท่า รองรับปริมาณลูกค้าที่เพิ่มขึ้นทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด นายวัลลภ เฉลิมวงศาเวช รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายการบริการหลังการขาย อาวดี้ ประเทศไทย เปิดเผยว่า จากปริมาณการเติบโตของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจากแผนธุรกิจที่จะมีการเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการ ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดเพิ่มรวมเป็น 6 แห่งใน ปี 2019 นี้  ในส่วนของการบริการหลังการขาย ได้เตรียมการรองรับการเติบโตของลูกค้าอย่างเต็มที่  โดยขณะนี้ ศูนย์กระจายอะไหล่และศูนย์เตรียมรถใหม่ที่ได้มาตรฐานของ Audi ภายใต้เงินลงทุนมากกว่า 50 ล้านบาท ได้ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว พร้อมเปิดดำเนินงานเพื่อสนับสนุนงานขายและงานบริการลูกค้าให้มีประสิทธิภาพและมีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น “คุณภาพมาตรฐานการบริการหลังการขาย  เป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดในการสร้างความเชื่อมั่นและความพึงพอใจของลูกค้า อีกทั้งยังเป็นส่วนที่นำลูกค้าใหม่ๆ มาด้วย   เราจึงให้ความสำคัญกับการพัฒนางานบริการหลังการขายอย่างเต็มที่  โดยมีการทำงานร่วมกับ Audi AG อย่างใกล้ชิด เพื่อพัฒนาและยกระดับบุคลากร  ทั้งวิศวกรและช่างเทคนิค รวมถึง เครื่องมือ อุปกรณ์ เทคโนโลยี  ให้สามารถบริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ   คือมีการวิเคราะห์ปัญหารถของลูกค้าแต่ละคันอย่างถูกต้อง แม่นยำ พร้อมทำการซ่อม บำรุงรักษา ให้เสร็จอย่างรวดเร็ว  หากต้องเปลี่ยนอะไหล่  ก็มีอะไหล่แท้อยู่ในสต๊อก พร้อมติดตั้งให้ลูกค้าอย่างทันท่วงที ในราคาที่เหมาะสม ซึ่งจากการเปิดศูนย์กระจายอะไหล่ และศูนย์เตรียมรถใหม่ ที่เสร็จพร้อมสมบูรณ์แล้วนี้ จะทำให้ลูกค้ามีความพึงพอใจ มั่นใจและประทับใจเมื่อมาเป็นลูกค้าของอาวดี้ มากขึ้น” ศูนย์กระจายอะไหล่ และศูนย์เตรียมรถใหม่ของอาวดี้   ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 2,700 ตารางเมตร  ในย่านบางนา  ใช้เงินลงทุนไปกว่า 50 ล้านบาท ภายในศูนย์มีการบริหารจัดการอะไหล่อย่างเป็นระบบ  รองรับปริมาณอะไหล่ได้มากกว่า 10,000 รายการ เพื่อให้การบริหารจัดการอะไหล่และการส่งอะไหล่ไปยังโชว์รูมต่างๆ                    มีประสิทธิภาพความรวดเร็ว ทันกับความต้องการของลูกค้า ...
รถยนต์ในประเทศ

โตโยต้า เปิดตัว คัมรีใหม่ เคาะราคาเริ่มต้นที่ 1.445 ล้านบาท

โตโยต้า แนะนำรถยนต์ซีดานขนาดกลางสุดหรูรุ่นใหม่ล่าสุด "The All-New CAMRY…Soul Striking Luxury”  เคาะราคาเริ่มต้นที่ 1.445 ล้านบาท ชี้หั่นต้นทุนต่ำกว่าเดิม 1.5 แสนบาท นายมิจิโนบุ ซึงาตะ เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด  เปิดเผยว่า  โตโยต้า  แนะนำรถยนต์ซีดานขนาดกลางรุ่นใหม่ล่าสุด “คัมรี”           ที่สมบูรณ์แบบด้วยภาพลักษณ์ดีไซน์สปอร์ต หรูหรา ผ่านการออกแบบอย่างพิถิพิถัน เด่นชัดด้วยเส้นสายรอบคัน สื่อถึงความคล่องแคล่ว ปราดเปรียว ภายในกว้างขวาง ใส่ใจในทุกรายละเอียดการตกแต่ง พร้อมด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมเหนือใคร จากสถาปัตยกรรมยานยนต์ใหม่ TNGA ที่ช่วยผสานยนตรกรรมกับผู้ขับขี่ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน สร้างประสบการณ์การขับขี่ที่ไม่เหมือนใคร ครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบาย และระบบความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลกของรถโตโยต้า ให้ความมั่นใจในทุกสถานการณ์การขับขี่  ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เหนือความคาดหมาย ถือเป็นยนตรกรรมที่โดดเด่นและเหนือระดับอย่างแท้จริง โตโยต้า คัมรีใหม่ มีราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ รุ่น 2.0G  เกียร์อัตโนมัติ       ราคา       1.445 ล้านบาท  รุ่น 2.5G เกียร์อัตโนมัติ      ราคา                1.589 ล้านบาท    รุ่น 2.5 HV เกียร์อัตโนมัติ                ราคา1.639 ล้านบาท   รุ่น 2.5 HV Premium เกียร์อัตโนมัติ ราคา 1.799 ล้านบาท                              นายมิจิโนบุ ซึงาตะ กล่าวเพิ่มเติมว่า “เนื่องจากความนิยมที่มีต่อคัมรีในฐานะยนตรกรรมหรูขนาดกลาง ส่งผลให้ความคาดหวังของลูกค้าจึงสูงขึ้น ปัจจุบันลูกค้าชาวไทยมอง คัมรี เทียบเท่ารถยุโรป ดังนั้นเราไม่เพียงแต่มุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆหากแต่ยังเพิ่มคุณค่าด้านอารมณ์ให้กับรถรุ่นนี้อีกด้วย เราตั้งใจมอบความภาคภูมิใจในการครอบครอง รวมไปถึงความสบายใจในการเป็นเจ้าของ เราจึงได้รับแรงบันดาลในการสรรสร้าง ผลิตภัณฑ์...
นวัตกรรมรถยนต์ในประเทศ

  PUMA  เปิดตัวแบตเตอรี่รถยนต์กึ่งแห้งเจาะอีโคคาร์

บริษัท เอ็ม เอฟ ออโต้ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ก่อตั้งมาตั้งแต่ 2547 โดยเป็นผู้นำเข้าแบตเตอรี่รถยนต์ ชนิด Maintenance free แบบฝาปิดสนิท (SMF ) ภายใต้แบรนด์  PUMA  เป็นรายแรกที่ทำตลาดในประเทศไทยอย่างจริงจัง อย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 14 ปี  จนเป็นที่ยอมรับขอผู้ใช้รถยนต์ชั้นนำ และ ทำให้ผู้ผลิตในประเทศเริ่มทำการผลิตแบตเตอรี่ชนิด SMF จนเป็นที่แพร่หลายในปัจจุบัน นายบุญชัย เมธีดุลสถิต กรรมการผู้จัดการ เปิดเผยว่า ปัจจุบัน บริษัท เอ็ม เอฟ ออโต้ (ประเทศไทย ) จำกัด ผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์ แบตเตอรี่ ชั้นนำ ของประเทศไทย  มีสินค้าแบรนด์ ต่าง ๆ ได้แก่ PUMA Black , PUMA Gold , MF Power , OPTIMA Battery , Index, MF Charger และ Midtronics Tester  และ ขณะนี้ อุตสาหกรรมรถยนต์ ได้มีการพัฒนาและ เปลี่ยนแปลงการทำงานของเครื่องยนต์ และ ระบบไฟฟ้าภายในรถยนต์เป็นอย่างมาก ทำให้แบตเตอรี่ ก็ต้องมีการพัฒนา เพื่อตอบสนองการทำงานของเครื่องยนต์  จึงเป็นเวลาอันเหมาะสมที่บริษัท จะเริ่มแนะนำผลิตภัณฑ์ แบตเตอรี่ PUMA Start Stop Series ทีมีคุณภาพ และ ประสิทธิภาพสูง ช่วยให้รถยนต์ประหยัดน้ำมัน และ ลดการปล่อยไอเสีย ไม่อย่างมีประสิทธิภาพ แบตเตอรี่ PUMAStart...
รถยนต์ในประเทศ

ASTON MARTIN BANGKOK เปิดตัว THE NEW VANTAGE

แอสตัน มาร์ติน แบงคอก ผู้จำหน่ายรถสปอร์ตระดับตำนานของอังกฤษอย่างเป็นทางการ เปิดตัว แอสตัน มาร์ติน ‘เดอะ นิว วานเทจ’ ผู้สืบทอดตำนานความแรงแห่งสายพันธุ์ ‘วานเทจ’ ท่ามกลางบรรยากาศอันงดงามของสถานที่สุดพิเศษ ‘บ้านเลขที่ 1’ ให้สื่อมวลชนและแขกผู้มีเกียรติได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด นายพรเศก ภาคสุวรรณ ผู้จัดการทั่วไป แอสตัน มาร์ติน แบงคอก กล่าวว่า “แอสตัน มาร์ติน วานเทจ เป็นรถสปอร์ตที่งดงาม ผสานความดุดันแบบนักล่า และผมเชื่อว่า ‘เดอะ นิว วานเทจ’ ยังสามารถรักษามนต์เสน่ห์ไว้ได้อย่างครบถ้วน โดยนับเป็นผลิตภัณฑ์ลำดับที่ 2 ตามแผนงานในศตวรรษที่ 2 ของเรา และเป็นเสมือนอีกก้าวสำคัญสู่ความสำเร็จในอนาคต ซึ่งผมเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้ที่มีโอกาสได้เห็นจะรู้สึกว่าเป็นรถที่ผสมผสานความคลาสสิค เข้ากับเทคโนโลยียุคใหม่ได้อย่างลงตัว” แอสตัน มาร์ติน ‘เดอะ นิว วานเทจ’ มาพร้อมรูปลักษณ์น่าตื่นตาตื่นใจ ด้วยเส้นสายบึกบึน ผสานแนวทางการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ ดุดันแบบนักล่า โอเวอร์แฮงค์หน้า-หลังสั้นและโป่งล้อกว้าง แสดงถึงความคล่องตัวและการตอบสนองอย่างมีประสิทธิภาพ ไฟหน้าแบบใหม่ พร้อมไฟท้ายบางเฉียบ กว้างเต็มพื้นที่ของฝาท้ายที่เชิดขึ้น ก็สะท้อนคาแรคเตอร์ของสัตว์ป่า และสมรรถนะที่ไม่ธรรมดา ขุมพลังของ ‘เดอะ นิว วานเทจ’ เป็นเครื่องยนต์เบนซิน วี8 สูบ 4.0 ลิตร เทอร์โบคู่ 503 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 685 นิวตันเมตร ที่ 2,000-5,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะของ ZF อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 3.6 วินาที ท็อปสปีด...
นวัตกรรมรถยนต์ต่างประเทศ

ปอร์เช่ ไฟเขียวผลิต มิชชั่นอีครอสทัวริสโม่

ยานพาหนะขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าพลังแรงเวอร์ชั่นที่ 2  ผลงานชั้นเลิศจากZuffenhausen: หลังการประชุมเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ที่ผ่านมา คณะกรรมการบริหารผู้กำกับดูแลการดำเนินงานของPorsche AG มีมติเป็นเอกฉันท์ เปิดไฟเขียวอนุมัติเดินสายการผลิตมิชชั่นอีครอสทัวริสโม่ (Mission E Cross Turismo) ต่อยอดจินตนาการจากรถยนต์ต้นแบบ concept study Mission E Cross Turismoให้กลายเป็นความจริง และด้วยเหตุผลดังกล่าว ทำให้บริษัทผู้ผลิตรถสปอร์ตระดับหัวแถวของโลกรายนี้สามารถสร้างสรรค์ตำแหน่งงานใหม่เพิ่มขึ้นอีกกว่า 300 ตำแหน่งงานภายในสำนักงานใหญ่ที่Zuffenhausenเพื่อรองรับการผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ ซึ่งได้รับการจัดแสดงอย่างเป็นทางการในงานมหกรรมยานยนต์ Geneva Motor Show 2018 ที่ผ่านมา รถยนต์ต้นแบบมิชชั่นอีครอสทัวริสโม่(Mission E Cross Turismo)ที่สามารถวิ่งใช้งานได้จริง นับเป็นไฮไลท์สำคัญของงานที่ Geneva และแน่นอนว่ารถคันนี้สามารถสร้างกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยมทั้งจากผู้เข้าร่วมชมงานรวมไปถึงสื่อมวลชนสายยานยนต์ที่มีโอกาสได้สัมผัส รถสปอร์ต 4 ประตูตัวถังสไตล์ Cross Turismo ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าสถาปัตยกรรมเทคโนโลยี 800โวลต์สุดล้ำยุค พร้อมเชื่อมต่อกับระบบโครงข่าย fast charging network ให้พละกำลังสูงสุดกว่า 600 แรงม้าและภายใต้การขับเคลื่อนเป็นระยะทางไกลถึง 500 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) เป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ความแรงที่เพิ่มเติมจากไทคานน์(Taycan)รถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าสมบูรณ์แบบคันแรกของปอร์เช่ ซึ่งมีกำหนด การเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2019 โดยสายการผลิตไทคานน์(Taycan)สามารถสร้างงานใหม่เพิ่มขึ้นถึง 1,200 ตำแหน่งให้แก่โรงงานในZuffenhausenความสำคัญของสายการผลิตดังกล่าวคือการเปลี่ยนแปลงกระบวนการเพื่อความยั่งยืน ในทุกขั้นตอนจะปราศจากมลพิษของสารประกอบคาร์บอน ทั้งนี้ปอร์เช่วางแผนลงทุนด้วยงบประมาณมากกว่า6,000 ล้านยูโรสำหรับการพัฒนายานพาหนะพลังงานไฟฟ้าภายในปี 2022  ...
กิจกรรม & CSR

CARZANOVA Safe Fun Drive ครั้งที่ 2 เรียนรู้ความปลอดภัยทั้งคนทั้งรถ

เว็บไซต์ Carzanova.com และทีมแข่ง Carzanova Racing ร่วมกับ โตโยต้า มอเตอร์ (ประเทศไทย), ZF ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย ผลิตภัณฑ์ Sachs โช้คอัพคุณภาพจากเยอรมนี สำหรับรถยนต์ญี่ปุ่น และยุโรป, ฟิล์มกรองแสงรถยนต์และอาคารลามิน่า, ศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจรเอ็มเอ็มเอส, ผลิตภัณฑ์ทูแนป และยางรถยนต์คอนติเนนทอล จัดกิจกรรม CARZANOVA Safe Fun Drive ครั้งที่ 2 ขึ้นเพิ่มทักษะการขับขี่รถยนต์อย่างปลอดภัย รวมถึงการเรียนรู้เทคโนโลยีความปลอดภัยที่อยู่ในตัวรถ ซึ่งจะช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนน โดยมีทีมผู้ฝึกสอนจาก โตโยต้า ไดร์ฟวิ่ง เอ็กซ์พรีเรียน พาร์ค และผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคจาก Sachs ร่วมเป็นผู้อบรมให้ความรู้กับผู้เข้าร่วมกิจกรรม สำหรับกิจกรรมการอบรมครั้งนี้ ในส่วนของภาคทฤษฎี เริ่มตั้งแต่เบสิกการขับรถ ท่านั่งในการขับขี่ ตำแหน่งผู้ขับขี่กับพวงมาลัย ซึ่งจะส่งผลต่อการหมุนพวงมาลัยที่ถูกวิธี ไม่ทำให้มือไขว่กันจนไม่สามารถหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้ พร้อมกันนี้ยังได้เรียนรู้ถึงเทคโนโลยีใหม่ของรถยนต์โตโยต้าที่ช่วยให้ขับขี่รถยนต์ได้ง่ายและปลอดภัยมากขึ้น ตั้งแต่ ระบบเบรก ABS, ระบบช่วยกระจายแรงเบรก, ระบบช่วยเบรก, ระบบช่วยควบคุมการทรงตัว, ระบบเทรกชั่นคอนโทรลที่ช่วยลดอาการเลี้ยวไม่เข้าหรือหน้าดื้อรวมถึงอาการท้ายปัด, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัตขณะลงทางลาดชัน และระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน นอกจากนี้ทางโช้คอัพ Sachs ยังได้ร่วมให้ความรู้เรื่องเทคโนโลยีของระบบช่วงล่าง รวมไปถึงหากระบบช่วงล่างมีปัญหา จะสังเกตอาการของรถได้อย่างไร รวมถึงจะแสดงอาการอย่างไรต่อผู้ขับขี่ ซึ่งหากผู้ขับขี่ไม่รู้ว่าระบบช่วงล่างมีปัญหา ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ โดยหลังจากเสร็จสิ้นภาคทฤษฎีแล้ว ก็เข้าสู่ช่วงของการปฏิบัติจริง เริ่มตั้งแต่การสลาลอม ซึ่งการจับพวงมาลัยที่ถูกต้อง ทำให้ผู้ขับรถผ่านไพลอนที่ตั้งห่างกันเป็นระยะไปได้แบบสบายๆ  ต่อมาด้วยการจำลองสถานการณ์ถนนลื่นแล้วเบรกรถอย่างกระทันหันพร้อมทั้งหักหลบสิ่งกีดขวาง ซึ่งเทคโนโลยีระบบเบรก ABS ที่ติดมากับรถโตโยต้าทุกคันจะเป็นตัวช่วยให้สามารถหักหลบสิ่งกีดขวางไปได้ ต่อไปที่การควบคุมรถในโค้ง โดยให้ผู้ปฏิบัติได้เข้าใจอาการของรถ และการถ่ายเทน้ำหนักของรถ ซึ่งจะมีผลกับการควบคุมรถทั้งแบบหน้าดื้อเลี้ยวไม่เข้า (อันเดอร์สเตียร์) หรือท้ายปัดระหว่างเลี้ยวโค้ง (โอเวอร์สเตียร์) ซึ่งสถานีนี้โตโยต้า ซี-เอชอาร์ ซึ่งมีระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC (Traction Control System) ก็สามารถตอบสนองการเลี้ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในช่วงบ่ายยังได้เพิ่มดีกรีการขับขี่ ซึ่งผู้เข้าร่วมกิจกรรมส่วนใหญ่ได้ความรู้มากขึ้น โดยทุกคนสามารถปฏิบัติติได้เป็นอย่างดี...
รถยนต์ในประเทศ

ตลาดรถยนต์ 9 เดือนพุ่งกว่า 20 %

  ตลาดรถยนต์เดือนกันยายน 2561 มียอดการขายรวมทั้งสิ้น 88,706 คัน  เพิ่มขึ้น 14.3%  ตลาดรถยนต์สะสม 9 เดือน มีปริมาณการขาย 746,584 คัน เพิ่มขึ้น 20.3% นายสุรภูมิ อุดมวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานสถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนกันยายน 2561 มียอดการขายรวมทั้งสิ้น 88,706 คัน  เพิ่มขึ้น 14.3%  ประกอบด้วย รถยนต์นั่ง 34,086 คัน เพิ่มขึ้น 15.6%  รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 54,620 คัน เพิ่มขึ้น 13.5% ขณะที่ รถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซกเมนท์นี้ มีจำนวน 43,205 คัน เพิ่มขึ้น 13.8% ประเด็นสำคัญ ตลาดรถยนต์เดือนกันยายนปริมาณการขาย 88,706 คัน เพิ่มขึ้น 14.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 15.6% และตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 13.5% ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความนิยมในรถยนต์รุ่นใหม่และความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนกิจกรรมส่งเสริมการขายจากค่ายรถต่างๆที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ตลาดรถยนต์สะสม 9 เดือน มีปริมาณการขาย 746,584 คัน เพิ่มขึ้น 20.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งมีปริมาณการขายเติบโตเพิ่มขึ้น 19% ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีปริมาณการขายเติบโตเพิ่มขึ้น 21.1% เป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนที่ส่งผลในเชิงบวกต่อภาพรวมของเศรษฐกิจในประเทศ ตลอดจนข้อเสนอพิเศษต่างๆจากบริษัทรถยนต์ในหลากหลายรูปแบบที่เอื้อต่อการตัดสินใจของลูกค้า ล้วนเป็นปัจจัยบวกที่สนับสนุนการเติบโตของตลาดรถยนต์ ตลาดรถยนต์ในเดือนตุลาคม มีแนวโน้มเติบโต จากการที่เศรษฐกิจโดยภาพรวมมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีแรงขับเคลื่อนทั้งจากการบริโภคและการลงทุนของเอกชนที่ปรับตัวดีขึ้น รวมถึงการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่จากค่ายรถยนต์ต่างๆ แม้ว่าผู้บริโภคบางส่วนจะยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับสถานะการณ์การค้าโลก แต่ยังไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดรถยนต์มากนัก   สถิติการจำหน่ายรถยนต์...
กิจกรรม & CSR

“มิชลินแมน” รับรางวัล  “Icon of the Millennium”

“บีเบนดั้ม” หรือ “มิชลินแมน” มาสคอตตัวแทนแบรนด์มิชลินที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันดีได้รับรางวัล “Icon of the Millennium” โดย Advertising Week งานซีรี่ส์การประชุมระดับโลกของผู้นำด้านการตลาด การสร้างแบรนด์ และงานโฆษณา ที่จัดขึ้นที่สหรัฐอเมริกา Advertising Week มอบรางวัลนี้ให้กับ “มิชลินแมน” ในวันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม ภายในพิธีมอบรางวัลที่จัดขึ้น ณ ไทม์สแควร์ ใจกลางมหานครนิวยอร์ค รางวัลอันทรงเกียรตินี้สร้างความภาคภูมิใจอย่างยิ่งให้กับพนักงานกว่า 110,000 คนของมิชลินกรุ๊ปทั่วโลก และถือเป็นของขวัญวันเกิดที่ยอดเยี่ยมที่สุดสำหรับวาระครบรอบวันเกิด 120 ปีของ บีเบนดั้ม ในปีนี้ Adeline CHALLON-KEMOUN, EVP Brands, Sustainable Development, Communication and Public Affairs ของมิชลินกรุ๊ป กล่าวว่า “บีเบนดั้มถือกำเนิดขึ้นในปี 1898 จากฝีมือการออกแบบของO’Galopศิลปินเชื้อสายฝรั่งเศสชื่อดังและนับจากนั้นเป็นต้นมา มาสคอตตัวนี้ได้ทำหน้าที่เป็นมากกว่าเพียงสัญลักษณ์ในการโฆษณา แต่ได้กลายเป็นคาแรคเตอร์ที่เป็นตัวแทนของทุกสิ่งที่มิชลินกรุ๊ปทำ ทั้งในแง่ของคุณค่าที่เรายึดมั่น ตลอดจนพันธะสัญญา และพันธกิจต่าง ๆ ที่เรามีต่อสังคม บีเบนดั้มเป็นเสมือนโฆษกของแบรนด์ที่เป็นตัวแทนของการขับเคลื่อนที่ดีกว่า โดยทำหน้าที่นำเสนอข้อมูลที่สำคัญต่อผู้ใช้รถใช้ถนนตลอดจนเป็นเพื่อนร่วมทางของพวกเขาในทุกการเดินทาง” ปัจจุบัน บีเบนดั้ม ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในเครื่องหมายการค้าที่เก่าแก่ที่สุด เข้าถึงผู้คนทั่วโลก และมีอิทธิพลทางอารมณ์มากที่สุดเครื่องหมายหนึ่ง และมีบทบาทสำคัญในการช่วยนำพาแบรนด์ “มิชลิน” ให้ขึ้นไปอยู่ในอันดับที่ 11 จากการจัดอันดับด้านชื่อเสียงของแบรนด์โดยสถาบันระดับโลก Reputation Institute นับเป็นเวลา 120 ปีแล้ว ที่ “บีเบนดั้ม” ได้มีส่วนร่วมกับความสำเร็จของมิชลิน บริษัทผู้นำด้านยางรถยนต์และคู่มือไกด์บุ๊คระดับโลก โดยมาสคอตตัวนี้ประสบความสำเร็จอย่างงดงามในการสร้างความผูกพันระหว่างแบรนด์มิชลินและลูกค้าได้อย่างเหนียวแน่น...
นวัตกรรมรถยนต์ต่างประเทศ

ก้าวเข้าสู่ยุครถสปอร์ตพลังไฟฟ้ากับ ปอร์เช่ ไทคานน์ ใหม่

ด้วยการทุ่มงบประมาณลงทุนสูงถึง 6,000 ล้านยูโรพร้อมด้วยบุคลากรคุณภาพกว่า 1,200 ตำแหน่งทั้งหมดนี้เพื่อการถือกำเนิดของปอร์เช่ไทคานน์(Porsche Taycan)เท่านั้น พร้อมกับการมุ่งมั่นปรับปรุงพัฒนาสายการผลิตใหม่ Porsche Production 4.0 ผสานกับแคมเปญเผยแพร่องค์ความรู้ให้กระจายทั่วถึงทุกภาคส่วนภายในองค์กร ตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นต่อพันธกิจการสร้างสรรค์อนาคตของยานพาหนะพลังงานไฟฟ้า บริษัทผู้ผลิตยนตรกรรมสปอร์ตระดับแนวหน้าของโลก กำลังดำเนินการเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างยิ่งใหญ่ และนี่คืออีกหนึ่งครั้งที่หน้าประวัติศาสตร์วงการยานยนต์จะต้องจารึกเอาไว้ “เราคาดการณ์ว่าภายในปี 2025กว่า50เปอร์เซ็นต์ ของรถยนต์ปอร์เช่รุ่นใหม่ที่วางจำหน่าย จะเป็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า” ข้างต้นคำกล่าวของ Lutz Meschkeรองประธานและสมาชิกคณะกรรมการบริหาร ผู้รับผิดชอบกำกับดูแลส่วนงานการเงินและเทคโนโลยีสารสนเทศของปอร์เช่งบประมาณดังกล่าวจะครอบคลุมถึงการลงทุนในภาคปฏิบัติอีกด้วยอาทิ การพัฒนาหน่วยงานและปรับปรุงกรรมวิธีการผลิต นอกจากนี้ยังรวมถึงการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตาม เป้าหมายในแง่ของผลกำไรขั้นต้นซึ่งจะต้องทำให้ได้อย่างน้อย 15 เปอร์เซ็นต์นั้นยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด"นอกเหนือจากกระบวนการผลิตที่ได้รับการเพิ่มประสิทธิภาพ ในส่วนของรายรับจากผลิตภัณฑ์และบริการด้านดิจิทัลควรจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น สืบเนื่องจากความสำเร็จของธุรกิจหลักของเรา"Meschke กล่าวเสริม อีกหนึ่งตัวอย่างที่แสดงถึงศักยภาพระดับสูงของกระบวนการผลิตรถยนต์และการประยุกต์ใช้ทรัพยากรในสายการผลิตปอร์เช่ไทคานน์ใหม่นั่นคือสิ่งที่เรียกว่า“factory within a factory” ในโรงงานหลักที่Zuffenhausenปอร์เช่เริ่มส่งสัญญาณที่บ่งบอกถึงการยกระดับตนเองออกจากขั้นตอนการผลิตรูปแบบเดิมAlbrecht Reimoldสมาชิกคณะกรรมการบริหารผู้ดูแลรับผิดชอบสายการผลิตและโลจิสติกส์อธิบายว่า “ด้วยการนำกระบวนการผลิตแบบยืดหยุ่นมาปรับใช้งาน ปอร์เช่จะกลายเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายแรกที่ใช้ระบบการขนส่งของสายงานแบบ driverless transport systems อย่างต่อเนื่องในสายพานการผลิต” สิ่งนี้จะช่วยให้เกิดการผสมผสานข้อได้เปรียบนานับประการระหว่างวิธีการผลิตแบบดั้งเดิมอันรวดเร็วและวิธีการผลิตแบบยืดหยุ่นที่เต็มไปด้วยความอเนกประสงค์ยิ่งไปกว่านั้นวิธีการดังกล่าวยังช่วยเพิ่มจำนวนรอบในการปฏิบัติงานให้สูงขึ้น โดยที่ใช้พื้นที่ในการผลิตเท่าเดิมด้วยแนวคิดที่ยึดตามหลัก“smart, green, lean”ปอร์เช่ยังสามารถควบคุมการใช้ทรัพยากรสำหรับการผลิตได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วยกระบวนการผลิตปอร์เช่ ไทคานน์ นั้นไม่ก่อให้เกิดมลพิษจากสารประกอบคาร์บอนสายการผลิตแห่งนี้ตั้งเป้าหมายเพื่อการเป็นโรงงานที่ปราศจากผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยสมบูรณ์ในอนาคต ความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดขององค์ความรู้ที่มีการเคลื่อนไหวและถ่ายทอดระหว่างสายงานมอเตอร์สปอร์ตและสายการผลิตรถยนต์ปกตินั้นจำเป็นต้องได้รับการเผยแพร่ในวงกว้างยิ่งขึ้น ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ รถแข่งปอร์เช่919 ไฮบริด (Porsche 919 Hybrid)ผู้พิชิตชัยชนะจากการแข่งขัน Le Mans มาแล้วหลายครั้ง ทั้งนี้นวัตกรรมเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนด้วยแรงดันไฟฟ้า 800โวลต์ที่ได้รับการติดตั้งใน ไทคานน์(Taycan)คือสิ่งที่ส่งต่อมาจากรถแข่งพลังแรงคันดังกล่าวระบบขับเคลื่อนสุดล้ำที่เป็นหัวใจหลักของปอร์เช่ 919(Porsche 919) มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการกำหนดบรรทัดฐานให้กับแหล่งกำเนิดพลังงานไฟฟ้าในรถยนต์: ไม่ว่าจะเป็นชุดแบตเตอรี่ การจัดวางอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รวมไปถึงปริมาณความจุและกระบวนการชาร์จพลังงานทั้งหมดข้างต้นล้วนแล้วแต่ผ่านการค้นคว้า วิจัย พัฒนาอย่างพิถีพิถันเพื่อให้เหมาะสมกับศักยภาพระดับสูงของระบบ 800 โวลต์ปอร์เช่ผลักดันทุกความเป็นไปได้โดยมีจุดมุ่งหมายในการก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมในด้านเทคนิคให้หมดสิ้นไปโดยแบตเตอรี่แบบ liquid-cooled lithium-ionเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่ถือกำเนิดขึ้นเพื่อให้สามารถสนองตอบต่อเงื่อนไขของการประลองความเร็วบนสนามแข่งขันอันสุดแสนทรหดปอร์เช่มุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีมากมายมาเป็นระยะเวลายาวนานจนกระทั่งประสบความสำเร็จด้วยการสร้างอุปกรณ์กัก เก็บพลังงานไฟฟ้าที่มีความจุมหาศาลอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน คือเครื่องยืนยันถึงประสิทธิภาพชั้นเลิศในการชาร์จพลังงานย้อนกลับมายังแบตเตอรี่lithium-ion ด้วยระยะเวลาเพียง 4 นาทีสามารถชาร์จพลังงานเพียงพอสำหรับการเดินทางไกลถึง 100 กิโลเมตร  กระบวนการ Quick charging มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อระบบชาร์จพลังงานสำหรับยานพาหนะที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้านั่นคือเหตุผลที่โครงการปอร์เช่ E-Performance ตัดสินใจลงมือพัฒนาในหลากหลายจุดครอบคลุมทั้งระบบสาธารณูปโภคที่สามารถตอบโจทย์และแก้ไขปัญหาการใช้งานทั้งภายในที่พักอาศัยและระหว่างการเดินทางด้วยปริมาณความจุพลังงานไฟฟ้าสูงสุดกว่า 22กิโลวัตต์ระบบ Porsche Mobile...
รถยนต์ในประเทศรถเพื่อการพาณิชย์

อีซูซุ ไฮ-แลนเดอร์  “สเทลธ์”เสริมชุดแต่งดุดันรอบคัน

อีซูซุเปิดตัวยนตรกรรมปิกอัพพันธุ์ดุ ลุยตลาดไตรมาสสุดท้าย นำทัพโดย ใหม่! อีซูซุ       ดีแมคซ์ ไฮ-แลนเดอร์ รุ่นพิเศษ! สเทลธ์ (STEALTH)  ทะยานเหนือชั้น ดุดันทุกองศา มาพร้อมชุดแต่งรอบคัน STEALTH BLACK PACKAGE เข้มเต็มพิกัดทั้งภายนอกและภายใน  ควบคู่กับการปรับโฉมรุ่นไฮ-แลนเดอร์ 1.9 และ 3.0 ดีดีไอ สู่ความเป็นสปอร์ตล้ำสมัย มีระดับยิ่งขึ้น  ตามติดด้วยการเผยโฉมลุคใหม่ของสปอร์ตออฟโรด ดีสุดสุด  ใหม่! อีซูซุดีแมคซ์ วี-ครอส MAX 4x4 ที่ทรงพลังยิ่งขึ้น เพิ่มฟังก์ชั่นล้ำสมัย สมบูรณ์แบบในทุกมิติ  ทุกรุ่นพร้อมตอบสนองไลฟ์สไตล์และเสริมส่งภาพลักษณ์ของผู้ใช้รถให้โดดเด่นอย่างมีเอกลักษณ์ กลุ่มตรีเพชร  โดย นายโทชิอากิ มาเอคาวะ  กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เผยว่า  เพื่อตอบรับเทรนด์ความชื่นชอบของผู้ใช้รถปิกอัพรุ่นใหม่ที่ต้องการ “ความแตกต่าง”      ไม่เหมือนใครและตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนเมือง ครั้งนี้อีซูซุจึงได้เลือกรถปิกอัพรุ่นไฮ-แลนเดอร์      รถปิกอัพขับเคลื่อน 2 ล้อยกสูง ซึ่งอีซูซุเป็นผู้บุกเบิกตลาด จนเป็นโมเดลที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในตลาดรถปิกอัพ รวมทั้งในกลุ่มลูกค้าอีซูซุเอง จึงทำให้เราได้นำมาจัดทำรุ่นพิเศษ โดยให้ชื่อว่า “สเทลธ์” (STEALTH) ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากเครื่องบินรบ STEALTH ที่มีภาพลักษณ์แสดงถึงความแข็งแกร่ง ดุดัน เรามั่นใจอย่างยิ่งว่าจะโดนใจลูกค้ากลุ่มเป้าหมายอย่างแน่นอน ด้วยความเท่ ล้ำสมัยเหนือระดับ ดุดันในทุกองศาจากชุดแต่ง STEALTH BLACK PACKAGE ดีไซน์พิเศษ พร้อมความโดดเด่นด้านสมรรถนะ และความปลอดภัยตามแบบฉบับอีซูซุ จัดทำพิเศษเฉพาะรุ่นเครื่องยนต์อีซูซุ        1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์เท่านั้น พร้อมจะเผยโฉมที่โชว์รูมอีซูซุทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2561 เป็นต้นไป ได้แก่ ใหม่! อีซูซุดีแมคซ์ ไฮ-แลนเดอร์ 4 ประตู รุ่นพิเศษ! สเทลธ์...
1 262 263 264 265 266 281
Page 264 of 281