นวัตกรรมรถใหม่ต่างประเทศ

Volvo 360c ยานยนต์ไร้คนขับ ปลอดภัยไร้อุบัติเหตุ

วอลโว่ ริเริ่มแนวคิดการพัฒนารถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติรุ่น 360c ใหม่ล่าสุด มุ่งหน้าสู่ความท้าทายใหม่ในการนำเสนอเทคโนโลยีการขับเคลื่อนอัตโนมัติ พร้อมเรียกร้องให้ทั่วโลกสร้างมาตรฐานสากลรูปแบบใหม่เพื่อการสื่อสารของรถยนต์ระบบอัตโนมัติกับผู้ใช้รถใช้ถนนได้อย่างปลอดภัย การขับเคลื่อนอัตโนมัติและความปลอดภัยมีความสัมพันธ์กันอย่างมาก และเทคโนโลยีมีศักยภาพในการยกระดับสวัสดิภาพบนท้องถนนได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเห็นได้จากการที่วอลโว่ได้คิดค้นเข็มขัดนิรภัยแบบสามจุดมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1959 อย่างไรก็ดี เทคโนโลยีระบบอัตโนมัติไม่สามารถนำมาใช้ได้ในชั่วข้ามคืน หากต้องดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป ดังนั้น รถยนต์ระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบจะถูกนำมาใช้ในสภาพการขับขี่บนท้องถนนแบบผสมผสานซึ่งรถยนต์ไร้คนขับจะได้ใช้ถนนร่วมกับผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่น ๆ สภาพการจราจรบนท้องถนนนั้นระบบอัตโนมัติไม่สามารถตรวจจับผู้อื่นและไม่สามารถล่วงรู้ถึงเจตนาของผู้ขับรถยนต์คันอื่นได้ ซึ่งนี่ถือเป็นองค์ประกอบหลักของการเกิดปฏิสัมพันธ์ของผู้ใช้ท้องถนนในทุกวันนี้ ทีมวิศวกรด้านความปลอดภัยของวอลโว่จึงตัดสินใจมุ่งหน้าสู่ความท้าทายนี้ เพื่อค้นหาการสร้างวิธีการที่ปลอดภัยในการสื่อสารระหว่างรถยนต์ระบบอัตโนมัติกับผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนารถยนต์รุ่น 360c รุ่นใหม่ของวอลโว่ นอกจากนี้ วอลโว่ยังให้ความสำคัญกับการสร้างมาตรฐานสากล เพื่อให้ผู้ใช้รถใช้ถนนไม่ต้องกังวลถึงรูปแบบหรือแบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์ระบบอัตโนมัติที่มีลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกัน รถยนต์รุ่น 360c แก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ด้วยการนำเสนอระบบที่จับทั้งสัญญาณเสียง สี ภาพ การเคลื่อนไหวภายนอกตัวรถ รวมถึงการผสมผสานเครื่องมือเหล่านี้เข้าด้วยกัน เพื่อใช้ในการสื่อสารเจตนาของผู้ขับไปยังผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่น ๆ ซึ่งจะช่วยสร้างความชัดเจนได้ตลอดเวลาว่ารถยนต์คันนี้จะทำสิ่งใดเป็นไปตามลำดับ สิ่งสำคัญเหนืออื่นใด แม้การออกแบบเทคโยโลยีการสื่อสารที่ปลอดภัยของ 360c จะให้ความสำคัญกับการสื่อสารเจตนาของผู้ขับไปยังผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่น ๆ แล้วก็ตาม แต่ 360c จะไม่มีการบังคับทิศทางหรือให้คำชี้นำใด ๆ กับผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่น ๆ “เราเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า รูปแบบการสื่อสารนี้ควรกำหนดเป็นมาตรฐานสากล เพื่อให้ผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคนสามารถสื่อสารกับรถยนต์ระบบอัตโนมัติได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องกังวลว่าเป็นรถยนต์ที่พัฒนาโดยผู้ผลิตรายใด” มาลิน เอคโฮล์ม รองประธานศูนย์ความปลอดภัยวอลโว่ กล่าว “เป็นเรื่องสำคัญที่เราจะต้องไม่ชี้นำผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่น ๆ ให้ปฏิบัติสิ่งใดเป็นขั้นตอนตามลำดับ เพื่อหลีกเลี่ยงความสับสนที่อาจจะเกิดขึ้นได้ งานวิจัยของเราแสดงให้เห็นว่านี่คือวิธีการที่ปลอดภัยที่สุดของรถยนต์ระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ ในการสื่อสารกับผู้ใช้รถใช้ถนนทั่วไป” รถยนต์รุ่น 360c แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของวอลโว่ในเรื่องของการเดินทางในอนาคต ที่ควบคุมด้วยระบบอัตโนมัติ พลังงานไฟฟ้า การเชื่อมต่อ และความปลอดภัย ซึ่งจะทำให้แบรนด์วอลโว่รุกสู่ตลาดที่มีศักยภาพแห่งใหม่ รถยนต์รุ่นนี้ยังมอบความเป็นเลิศในการใช้งานยานยนต์อัตโนมัติแห่งอนาคตทั้ง 4 รูปแบบ ได้แก่การมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการนอนหลับ สำนักงานเคลื่อนที่ ห้องพักผ่อน และศูนย์รวมความบันเทิง ซึ่งจะเปลี่ยนแนวคิดในการเดินทางของผู้คนไปตลอดกาล สำหรับสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการนอนหลับ ทีมวิศวกรรด้านความปลอดภัยของวอลโว่ได้คำนึงถึงอนาคตของเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยและท่วงท่าของผู้โดยสารที่จะส่งผลถึงความปลอดภัย โดยได้มีการติดตั้งผ้าห่มนิรภัยรุ่นพิเศษในการสร้างสรรค์สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการนอนหลับเพื่อแสดงถึงระบบการควบคุมแห่งอนาคตที่ทำงานเหมือนกับระบบเข็มขัดนิรภัยแบบสามจุด แต่สามารถปรับตำแหน่งให้เหมาะสมกับการเอนตัวนอนของมนุษย์ในขณะเดินทางได้อย่างเหมาะสม รถยนต์วอลโว่รุ่น 360c มุ่งเป้าหมายไปที่กลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่ที่มีศักยภาพต่อการเติบโตของบริษัท และถือเป็นการสื่อนัยต่อความจำเป็นในการวางผังเมือง การสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน และการวางแนวทางการสร้างสรรค์สภาพแวดล้อมของเมืองสมัยใหม่ที่อาจเกิดขึ้นได้จริงในอนาคตอันใกล้นี้  ...
เทสต์ไดรฟ์

เบนซ์ เปิดตัว 3 รถแรง พร้อมกิจกรรม  Mercedes-AMG Driving Experience  2018

บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ตอกย้ำภาพการเป็นผู้ผลิตรถสปอร์ตสายพันธุ์แรงระดับแถวหน้าของโลก เปิดตัวรถยนต์ 3 รุ่น อย่าง Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupé               รุ่นประกอบในประเทศโฉมใหม่ Mercedes-AMG E 63 S 4MATIC+ และ Mercedes-Benz                C 200 Coupé AMG Dynamic รุ่นประกอบในประเทศโฉมใหม่มาให้ชมกันอย่างใกล้ชิด พร้อมจัดกิจกรรม Mercedes-AMG Driving Experience 2018 เป็นครั้งแรกในประเทศไทย กับการขนทัพรถยนต์สปอร์ตสมรรถนะสูงภายใต้แบรนด์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีครบทั้งตระกูลกว่า 9 รุ่น        ในทุกเซ็กเมนต์ พาสื่อมวลชน และลูกค้าก้าวข้ามขีดความสามารถของตนเองขึ้นไปอีกขั้น ด้วยการเรียนรู้เทคนิคการขับขี่แบบเต็มสมรรถนะ กับทีมผู้ฝึกสอนมืออาชีพ ดีกรีแชมป์การแข่งขัน มอเตอร์สปอร์ตระดับโลก ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ นายโรลันด์ โฟลเกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า        นับตั้งแต่ที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้เปิดตัวแบรนด์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีในประเทศไทยอย่าง           เป็นทางการ เราได้นำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่ พร้อมทำการตลาดที่หลากหลายเพื่อตอกย้ำภาพ          การเป็นผู้ผลิตรถสปอร์ตระดับแถวหน้าของโลกให้แก่ลูกค้าในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจาก               ความมุ่งมั่นดังกล่าว ส่งผลให้เราได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าที่สนใจรถยนต์สปอร์ต         สมรรถนะสูง ด้วยยอดขายรถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีทั่วโลกสูงถึงกว่า 130,000 คันเมื่อปี         พ.ศ. 2560 ที่ผ่านมา “การส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ ‘ขับเคลื่อนทุกสมรรถนะ – Driving Performance’ ถือเป็นหัวใจหลักของแบรนด์ โดยผลิตภัณฑ์ของเมอร์เซเดส-เอเอ็มจี ต้องมีทั้งเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย เต็มเปี่ยมด้วยนวัตกรรมเพื่อมอบความโฉบเฉี่ยว และเร้าอารมณ์ให้แก่ผู้ขับขี่ ซึ่งนอกจากผลิตภัณฑ์ที่ดีแล้ว               การขับขี่อย่างปลอดภัย และเต็มสมรรถนะของรถยนต์ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทางบริษัทฯ                 ให้ความสำคัญ  ด้วยเหตุนี้ เราจึงได้จัดกิจกรรม Mercedes-AMG...
รถยนต์ในประเทศ

โตโยต้า แนะนำ “Yaris G+” และ “ATIV S+” ความคุ้มค่าที่ลงตัวอย่างไร้ที่ติ

นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แนะนำรถยนต์นั่งขนาดเล็กยอดนิยมของคนไทย โตโยต้า ยาริส จีพลัส (Yaris G+) และโตโยต้ายาริส เอทีฟ เอสพลัส (Yaris ATIV S+) ที่มาพร้อมกับรูปลักษณ์ภายนอกสไตล์สปอร์ตโฉบเฉี่ยว ภายในตกแต่งให้ดูพรีเมียม สวยสะดุดตา ครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ให้ความคุ้มค่าที่สมบูรณ์แบบตอบรับกับไลฟ์สไตล์อันหลากหลายของคนรุ่นใหม่ได้อย่างลงตัว บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ได้แนะนำรถอีโคคาร์แฮทช์แบ็ค โตโยต้ายาริส เครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร ในเดือนตุลาคมปี 2556 เพื่อตอบสนองความนิยมรถเครื่องยนต์ขนาดเล็กในประเทศไทย และในเดือน สิงหาคมปี 2560 ได้เปิดตัวรถอีโคคาร์รุ่นใหม่ล่าสุด ครั้งแรกของโลกกับโตโยต้ายาริส เอทีฟ ที่มีคุณลักษณะโดดเด่น กว้างขวางสะดวกสบาย สมรรถนะการขับขี่คล่องตัว ให้ความรู้สึกสนุกในทุกการขับขี่ และยังคงไว้ซึ่งเครื่องยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้ประหยัดน้ำมันสูงสุด ที่สำคัญเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐานเหนือรถระดับเดียวกัน การันตีด้วยการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยระดับ 5 ดาว จากอาเซียน เอ็นแคป (ASEAN NCAP)* ทำให้ครองใจลูกค้าชาวไทยด้วยดีตลอดมา โดยรถอีโคคาร์ทั้ง 2 รุ่นนี้ สร้างยอดขายสะสมรวมมากกว่า 50,000 คัน ตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2561 เป็นต้นมา ถือเป็นยอดขายอันดับ 1 ของรถอีโคคาร์ในตลาดเมืองไทย และเพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสุดพิเศษสำหรับลูกค้ารุ่นใหม่ ที่มีสไตล์เป็นของตัวเอง โดดเด่น ไม่เหมือนใคร โตโยต้าได้แนะนำ 2 รุ่นใหม่ คือ โตโยต้า ยาริส จีพลัส (Yaris G+) ที่ครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ล้ำสมัย ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน และโตโยต้ายาริส เอทีฟ เอสพลัส...
รถยนต์ในประเทศ

เปิดโผ 13 รถใหม่ลุ้น CAR OF THE YEAR 2018

สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย เดินหน้าโครงการ “รถยนต์ยอดเยี่ยม ประจำปี 2561” (THAILAND CAR OF THE YEAR 2018” โดยปีนี้ขยายเงื่อนไขเพื่มรถที่ผลิตในอาเซียน เผยรายชื่อรถยนต์ 13รุ่นเข้าเกณฑ์ พร้อมเปิดให้สมาชิกโหวตรอบแรกให้เหลือครึ่งภายในเดือนตุลาคมนี้ ก่อนจะเข้าสู่รอบตัดสินและประกาศรางวัลภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ ภายใต้หลักเกณฑ์การตัดสินตามมาตรฐานสากล สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย(สรยท.) นำโดยนายภูวนาถ เผ่าจินดา นายกสมาคมฯ เปิดเผยความคืบหน้าในการจัดงานมอบรางวัล “รถยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี 2561” (THAILAND CAR OF THE YEAR 2018) ว่าหลังจากที่สมาคมฯ ได้ดำเนินการโครงการดังกล่าวอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2558 โดยปีนี้จะเป็นครั้งที่ 4 สำหรับรางวัลดังกล่าว ซึ่งล่าสุดคณะกรรมการฯ และคณะทำงานได้พิจารณาคัดเลือกรถที่ผ่านหลักเกณฑ์ของสมาคมฯ และได้สรุปแล้วทั้งสิ้นจำนวน 13 รุ่นโดยจะเริ่มให้สมาชิกสามัญของสมาคมฯที่ได้รับการพิจารณาจากคณะกรรมการตัดสินTHAILAND CAR OF THE YEAR 2018รวมแล้วกว่า 100 คน ร่วมลงคะแนนโหวตรอบแรกผ่านทางระบบออนไลน์ ระหว่างวันที่ 18 – 31ตุลาคม 2561 นี้ เพื่อให้จำนวนรถที่เข้ารอบตัดสินเหลือจำนวน7 คัน(ครึ่งหนึ่งของจำนวนรถที่ได้รับคัดเลือกเศษปัดขึ้น) ขณะที่การตัดสินรอบสุดท้ายโดยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านยานยนต์จะดำเนินการในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน ก่อนจะประกาศผลอย่างเป็นทางการภายในเดือนพฤศจิกายนนี้เช่นเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกจะเป็นไปตามระเบียบและกฎกติกาซึ่งสมาคมฯ จัดทำขึ้นโดยกำหนดไว้ว่า รถที่จะได้รับรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมในแต่ละปี ต้องเป็นรถรุ่นใหม่ (New Model) ที่เพิ่งเปิดตัวสู่ตลาดภายใน 12 เดือนก่อนประกาศผลรางวัล (ตั้งแต่1 ตุลาคม 2560 -30 กันยายน 2561) เป็นรถที่เปิดตัวโดยผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการ และเป็นรถที่ประกอบในประเทศ (CKD) โดยปีนี้คณะกรรมการได้ขยายเกณฑ์ในแง่การผลิตให้สามารถผลิตในอาเซียน และนำมาจำหน่ายในประเทศไทย เพื่อให้รางวัลทรงคุณค่ายิ่งขึ้น (รายละเอียดกฎเกณฑ์ต่างๆ สามารถดูได้ที่ www.tajathailand.com) สำหรับรถที่ผ่านคุณสมบัติเข้ารับการคัดเลือกรางวัลในครั้งแรกรวมทั้งหมด 13 รุ่น ได้แก่ วอลโว่ เอ็กซ์ซี60 (VOLVO...
เศรษฐกิจ

เฟ้น 12  ฟินเทคสตาร์ทอัพชิงแชมป์ “FinTech Challenge ” 

ก.ล.ต. จับมือสมาคมฟินเทค  เฟ้น 12  ฟินเทคสตาร์ทอัพหน้าใหม่เข้าชิงชัยรอบชิงชนะเลิศใน “FinTech Challenge : The Discovery”  7 พฤศจิกายนนี้ ณ โรงละครเคแบงค์สยามพิฆเนศ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)    ร่วมกับสมาคมฟินเทคประเทศไทย คัดเฟ้นได้ 12 ทีมฟินเทคสตาร์ทอัพเข้าสู่การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ “FinTech Challenge ครั้งที่ 3 : The Discovery” โครงการประกวดผลงานนวัตกรรมทางการเงิน ค้นหาผู้ประกอบธุรกิจฟินเทคสตาร์ทอัพหน้าใหม่ที่จะปฏิวัติวงการทางการเงิน ชิงเงินรางวัลมูลค่ารวมกันกว่า 400,000 บาท เพื่อสร้างโอกาสในการนำเสนอนวัตกรรมทางการเงินที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน โดยช่วยให้เข้าถึงบริการทางการเงินและการลงทุนได้อย่างทั่วถึงและสะดวกรวดเร็ว อันจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศอย่างแท้จริง นางทิพยสุดา  ถาวรามร  รองเลขาธิการ สำนักงาน ก.ล.ต. เปิดเผยว่า  “FinTech Challenge ครั้งที่ 3 : The Discovery เป็นโครงการประกวดผลงานนวัตกรรมทางการเงินที่ดำเนินการโดยสำนักงาน ก.ล.ต. ต่อเนื่องเป็นปีที่สาม  เพื่อกระตุ้นให้เกิดนวัตกรรมทางการเงินใหม่ ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมการเงิน การลงทุน และประกันภัยในประเทศไทย รวมถึงสร้างโอกาสในการนำเสนอนวัตกรรมที่สามารถนำไปใช้ได้ในระบบการเงิน การระดมทุน และการลงทุนเพื่อให้สอดคล้องกับยุค “ไทยแลนด์ 4.0” ในครั้งนี้สมาคมฟินเทคประเทศไทยได้ร่วมกับสำนักงาน ก.ล.ต. ในการค้นหาผู้ประกอบธุรกิจฟินเทคสตาร์ทอัพหน้าใหม่ และช่วยบ่มเพาะศักยภาพให้กับผู้เข้าร่วมโครงการ ทั้งในด้านเทคโนโลยีและการดำเนินธุรกิจจากผู้เชี่ยวชาญด้านฟินเทคที่ประสบความสำเร็จและมากด้วยประสบการณ์   ตลอดจนความรู้ด้านกฎหมายและกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง  เพื่อให้พร้อมต่อยอดธุรกิจ  หรือสามารถพัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่ ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น ในต้นทุนที่ต่ำลง ซึ่ง 12 ทีมที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายในโครงการประกวด “FinTech Challenge ครั้งที่ 3 : The Discovery”  คณะกรรมการได้คัดเลือกโดยพิจารณาจากความคิดสร้างสรรค์ด้านนวัตกรรมเทคโนโลยี ความเป็นไปได้ในการนำไปใช้งานจริง ซึ่งแต่ละทีมมีแนวคิดและนวัตกรรมที่น่าสนใจ  ทั้งในแง่มุมของเครื่องมือช่วยวางแผนการออมและการลงทุน  การพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล และการขจัดอุปสรรคการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของผู้บริโภคและผู้ประกอบการ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมทางการเงินรวมไปถึงอุตสาหกรรมต่าง ๆ...
รถยนต์ต่างประเทศ

ยอดขายปอร์เช่เติบโต ในเยอรมนีและทวีปยุโรป

การพัฒนาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาเกือบ 1 ปี: Porsche AG สามารถเพิ่มจำนวนการส่งมอบรถยนต์ใหม่ได้มากขึ้นถึง6เปอร์เซ็นต์ หรือคิดเป็นจำนวนทั้งสิ้น 196,562 คันภายในช่วงเวลาเพียง 9 เดือนแรกของปี 2018ด้วยการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพของบริษัทผู้ผลิตรถสปอร์ตชั้นนำของโลกรายนี้ ส่งผลต่อความแข็งแกร่งของปอร์เช่ที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคยุโรป โดยแสดงให้เห็นจากอัตราการเติบโตที่เพิมสูงขึ้นถึง 9 เปอร์เซ็นต์ หรือ 66,551คันเฉพาะในประเทศเยอรมนีเพียงแห่งเดียว ปอร์เช่มียอดส่งมอบเพิ่มขึ้นถึงกว่า13เปอร์เซ็นต์ คิดเป็น 24,709 คันในส่วนของประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่สุดของปอร์เช่ ตัวเลขจำนวนการส่งมอบรถยนต์ใหม่ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง4เปอร์เซ็นต์ หรือ 56,254 คันเมื่อพิจารณาแยกแต่ละรุ่นปอร์เช่พานาเมร่า (Porsche Panamera)คือรุ่นที่มีอัตราการเติบโตของยอดขายเป็นสัดส่วนที่เติบโตสูงสุด:หลังสิ้นเดือนกันยายน จำนวนของรถสปอร์ตซาลูน 4 ประตูที่ถูกส่งมอบถึงมือลูกค้าทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วนถึง 60 เปอร์เซ็นต์ทางด้านปอร์เช่ 911 (Porsche 911)สามารถรักษาอัตราการเติบโตของยอดจำหน่ายที่ตัวเลขสองหลักด้วยสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นกว่า 19 เปอร์เซ็นต์สำหรับปอร์เช่รุ่นที่สร้างยอดจำหน่ายได้มากที่สุดยังคงเป็นสปอร์ต SUV มาคันน์ (Macan) จากยอดส่งมอบรวม 68,050 คันและตามมาด้วยคาเยนน์ (Cayenne)ที่ 49,715 คัน “ในประเทศเยอรมนีและทวีปยุโรป ผลจากความยอดเยี่ยมของผลิตภัณฑ์ยานยนต์ปอร์เช่ทุกรุ่น คือหัวใจหลักที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งและรักษาสถานะความเป็นที่สุดแห่งยนตกรรมสปอร์ตที่ครองใจผู้ใช้ทั่วโลก รวมทั้งเป็นที่ต้องการครอบครองของบรรดาผู้หลงใหลความแรงได้อย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาเก้าเดือนแรกของปีนี้” ข้างต้นคือคำกล่าวของ  Detlev von Platenสมาชิกคณะกรรมการบริหารผู้กำกับดูแลส่วนงานขายและการตลาดของปอร์เช่ “นอกจากนี้พวกเรายังรู้สึกยินดีอย่างยิ่งกับอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นในส่วนของประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศจีนเช่นเดียวกัน”   “ยังคงมีภารกิจสำคัญที่ท้าทายความสามารถอีกมากมาย รอคอยพวกเราอยู่ในไตรมาสที่ 4 แน่นอนว่าเราจะต้องทำงานเชิงรุกเพื่อให้มั่นใจว่างานดังกล่าวจะสำเร็จลุล่วงไปได้ตามความมุ่งหมาย ซึ่งรวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวิธีการทดสอบWLTP test cycle ทดสอบการทำงานของการกรองน้ำมันเชื้อเพลิงและการยุติบทบาทของเครื่องยนต์ดีเซลที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้” von Platenกล่าวเสริมเกี่ยวกับกฎข้อบังคับด้านมลภาวะซึ่งเพิ่งถูกบังคับใช้อย่างเป็นทางการในทวีปยุโรปตั้งแต่วันที่1กันยายน2018 ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อแผนการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ในอนาคต โดยปอร์เช่เริ่มดำเนินการผลิตรถยนต์ที่อยู่ภายใต้กฎเกณฑ์นี้ด้วยรุ่นสปอร์ต 2 ประตูคือ 911และ 718 เป็นอันดับแรกตามมาด้วยมาคันน์ใหม่ (The new Macan)ซึ่งได้รับการนำมาจัดแสดงในงานมหกรรมยานยนต์Paris Motor Showเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา   ปอร์เช่ไม่ได้บรรจุรถยนต์รุ่นเครื่องยนต์ดีเซลในสายการผลิตนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2018ท้ายที่สุดเมื่อสิ้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา คณะกรรมการบริหารได้ลงมติตัดสินใจที่จะยุติการทำตลาดรถยนต์ที่ติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซล ในขณะเดียวกันกับที่ปอร์เช่ประสบความสำเร็จและได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มลูกค้าผู้ให้ความสนใจในขุมพลังไฮบริดดังที่ปรากฎว่ามากกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ของปอร์เช่พานาเมร่าใหม่ (The new Porsche Panamera)...
งานแสดงรถยนต์

“MOTOR EXPO” รวมใจสานสายสัมพันธ์สื่อมวลชน

บริษัท สื่อสากล จำกัด ผู้จัดงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 35” จัดกิจกรรม “รวมใจสานสายสัมพันธ์สื่อมวลชน - MOTOR EXPO ครั้งที่ 11” สนุกกับการแข่งขันโกคาร์ท เกมสันทนาการ เพื่อกระชับสัมพันธ์ และขอบคุณสื่อมวลชนทุกท่านที่ให้การสนับสนุนมาอย่างต่อเนื่อง โดยมี ชลัทชัย ปภัสร์พงษ์ รองประธานจัดงาน ควบคุมงานด้านการบริหารงานทั่วไป และชไมพร ปภัสร์พงษ์ ผู้ควบคุมงานด้านการตลาดสัมพันธ์ งาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 35” เข้าร่วมกิจกรรมด้วย ณ Breeze Café & IMPACT Speed Park ริมทะเลสาบ เมืองทองธานี เมื่อเร็วๆ นี้...
มอเตอร์สปอร์ตเศรษฐกิจ

ถอดโมเดล ”บุรีรัมย์ สแตนดาร์ด” จะเลียนแบบไม่ใช่เรื่องง่าย  !

ประสบความสำเร็จอย่างดงาม สำหรับการจัดแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดโลก โมโต จีพี ครั้งแรกในประเทศไทย รายการพีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2018  ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ โดยมียอดผู้ชมตลอดทั้ง 3 วัน ทะลุ 222,535 คน และได้รับคำชมจาก ดอร์น่า สปอร์ต เจ้าของลิขสิทธิ์โมโตจีพีว่า สามารถจัดได้เป็นระเบียบเรียบร้อยและราบรื่นที่สุดครั้งหนึ่ง  แม้จะเป็นการจัดครั้งแรกก็ตาม ขณะที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาประเมินว่า แม้ไทยต้องเสียค่าลิขสิทธิ์ปีละ 280 ล้านบาท แต่ผลตอบรับทางเศรษฐกิจทำให้มีเงินสะพัดไม่น้อยกว่า 3,000 ล้านบาท  มียอดเข้าพักโรงแรม  12,000 ห้อง และเต้นท์พักแรมอีก 3,500 หลัง  และทำชื่อเสียงของจังหวัดบุรีรัมย์ขจรไปในระดับอินเตอร์ มาดูเบื้องหลังการบริหารจัดการของ”เนวิน ชิดชอบ” หัวเรือใหญ่ของจังหวัดบุรีรัมย์กันดีกว่า ในการปลุกจังหวัดที่เคยเป็น ”ทางผ่าน” มาเป็น “จุดหมายปลายทาง” ที่ใครๆก็อยากไปหา ด้วยแนวคิดบริหารจัดการแบบ “เวิลด์ สแตนดาร์ด” ซึ่งเป็นที่มาของคำว่า “บุรีรัมย์ สแตนดาร์ด”คือต้องทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ทันทีที่ไทยตกลงจัดโมโตจีพีที่บุรีรัมย์ ปัญหาที่ตามมาคือโรงแรมที่พักไม่เพียงพอผู้เข้านับแสนคน จะสร้างเพิ่มเติมก็คงไม่ทัน แต่ทางจังหวัดบุรีรัมย์และทีมงานเนวินใช้วิธีให้ผู้มีบ้านพัก ห้องเช่า  โฮมสเตย์  ในจังหวัดบุรีรัมย์มาลงทะเบียนไว้และประสานงานกับ Airbnb (แอร์บีเอ็นบี) บริษัทชั้นนำของโลกด้านการบริการห้องพัก และร่วมมือกับ B-STAY   จัดหาที่พักให้กับนักท่องเที่ยวที่เข้าชมโมโตจีพี  ส่วนหนึ่งก็จะไปพักในจังหวัดใกล้เคียงอย่างสุรินทร์และนครราชสีมา การคมนาคมสัญจรมายังสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ก็เป็นเรื่องสำคัญ แท็กซี่ที่มีอยู่เพียง 15 คันไม่เพียงพอรองรับนักท่องเที่ยวนับแสนได้อย่างแน่นอน ทีมงานจึงจัดการดึง Grab  เข้ามาช่วยบริหาร ให้คนบุรีรัมย์ที่มีรถยนต์ รถจักรยานยนต์ มาขับ Grab รับส่งนักท่องเที่ยว โดยในจังหวัดบุรีรัมย์มียอดรถยนต์และรถจักรยานยนต์สะสมรวมประมาณ 500,000 คัน ซึ่งสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้จำนวนมาก และที่เด็ดกว่านั้น คือการระดมรถจักรกลการเกษตรหรือรถอีแต๋นทั้งจังหวัด  1,200 คัน...
รถจักรยานยนต์

YAMAHA GLOBAL LAUNCHING NEW YZF-R3

   เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2561 บริษัท ยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวรถจักรยานยนต์โมเดลปี 2019 พร้อมกัน 2 รุ่น ได้แก่ NEW YZF-R25 ที่จะวางจำหน่ายในประเทศอินโดนีเซีย เดือนตุลาคมนี้ และ NEW YZF-R3 ที่จะวางจำหน่ายในประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศไทย ในเดือนธันวาคมนี้ โดยรถจักรยานยนต์สปอร์ตทั้งสองรุ่นได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ขับขี่ทั่วโลก โดยรถจักรยานยนต์โมเดลปี 2019 นี้ มีความโดดเด่นในรูปทรงที่โฉบเฉี่ยวและเต็มเปี่ยมด้วยสมรรมถนะที่ยอดเยี่ยม มาพร้อมกับระบบเบรค ABS ที่จะทำการเปิดตัวพร้อมกันทั้งสามประเทศ โดย NEW YZF-R3 ได้ถูกพัฒนามาจากแนวคิด “Ride the R Anytime” ถ่ายทอดลักษณะเฉพาะมาจากรุ่น YZF-R3 ในปี 2557 ซึ่งรุ่นใหม่นี้มาพร้อมโช้คอัพหน้าแบบอัพไซด์ดาวน์ และอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ พร้อมตอบสนองทุกการขับขี่ด้วยความเร้าใจ   สำหรับ NEW YZF-R3 มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 321 cc. แบบ 4 จังหวะ 2 สูบเรียง     8 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีด นอกจากนี้ NEW YZF-R3 ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีมากมาย อาทิ ลูกสูบอลูมิเนียมแบบอัดขึ้นรูป น้ำหนักเบา, กระบอกสูบไดอะซิล แข็งแกร่ง ทนทาน เอกสิทธิ์เฉพาะ  ยามาฮ่า พร้อมออกแบบให้มีระยะ Offset ที่ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างนุ่มนวล นอกจากนี้เครื่องยนต์ NEW YZF-R3 ยังถูกออกแบบให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมพละกำลังได้อย่างง่ายดายมากยิ่งขึ้นอีกด้วย สำหรับเฟรมตัวถังเป็นแบบโครงเหล็กน้ำหนักเบาและถูกออกแบบเรียบง่าย ประกอบกับถังน้ำมันเครื่องมีดีไซน์ของรถสปอร์ตเน้นให้เห็นแชสซี ตัวรถมีความสมดุลลงตัวพร้อมความทนทานและน้ำหนักเบา รูปแบบสวิงอาร์มที่สมดุลส่งผลให้การถ่ายทอดกำลังจากเครื่องยนต์ไปสู่ล้อหลังมีประสิทธิภาพสูงสุด เช่นเดียวระบบกันสะเทือนหลังแบบ Monocross ที่ทำงานร่วมกับโช้คอัพหลัง KYB ที่สามารถปรับระดับได้...
Uncategorized

ไตรมาส 3 มาสด้าโตอีก 41% ยอดขายพุ่งทะลุ 5 หมื่นคัน

หลังประสบความสำเร็จสูงสุดด้านยอดขาย โดยเฉพาะตัวเลขของไตรมาส 3 มียอดขายสะสมสูงกว่า 52,000 คัน เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 41% มาสด้าเตรียมเดินหน้าก้าวสู่แบรนด์พรีเมียมอย่างเต็มรูปแบบ ดึงดีลเลอร์ทั่วประเทศเข้าร่วมงาน 2018 Half Year Mazda Way Forward ชูยุทธศาสตร์การวางเป้าหมายแบรนด์และการยกระดับแบรนด์ เน้นการพัฒนาธุรกิจเชิงคุณภาพทั้งด้านการขายและการบริการ มุ่งมั่นพัฒนาสร้างประสบการณ์ที่ดีกับลูกค้าตลอดการถือครอง รวมทั้งการสร้างแบรนด์อย่างมีสไตล์ เพื่อรองรับรถยนต์รุ่นใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวแนะในอนาคตอันใกล้นี้ นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตัวเลขยอดขายเมื่อปิดไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ตลาดรถยนต์ในเซ็กเม้นต์หลักทั้งตลาดรถปิกอัพ ตลาดรถยนต์นั่ง รถอเนกประสงค์ และตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็ก มีการเติบโตเพิ่มขึ้นมาโดยตลอดตั้งแต่ไตรมาสแรก เพิ่มขึ้น 13% ไตรมาสที่สองเพิ่มขึ้นอีก 26% ส่วนไตรมาสที่สามยังเพิ่มขึ้นอีก 22% ซึ่งถือเป็นแนวโน้มที่ดีที่จะส่งผลให้ไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ยอดรวมทั้งตลาดคาดว่าจะทะลุเกิน 1 ล้านคัน ซึ่งมาสด้ายังยืนยันเป้าหมายตัวเลขยอดขายอยู่ที่ 65,000 คัน ในปีนี้ หรือเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 26% จากยอดขายรวมเมื่อปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 51,755 คัน ยอดขายรถยนต์มาสด้ายังคงความร้อนแรงต่อเนื่องปิดตัวเลขประจำไตรมาสที่3 มียอดขายสะสมพุ่งสูงถึง 51,755 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 41% เมื่อเปรียบเทียบกับยอดขายช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะรถยนต์นั่งมาสด้า2 ยังคงครองอันดับหนึ่งของรถยนต์นั่งขนาดเล็ก มียอดขายสะสมสูงถึง 33,939 คัน เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 51% ตามมาด้วยรถอเนกประสงค์ครอสโอเวอร์เอสยูวี ซีเอ็กซ์-5 ที่กระแสความนิยมยังพุ่งอย่างต่อเนื่อง มียอดขายสูงถึง 6,265 คัน เติบโตถึง 116% ตามมาด้วยรถปิกอัพมาสด้า บีที-50 โปร ที่เริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง มียอดขายสูงถึง 5,154 คัน เพิ่มขึ้น 17% และรถยนต์นั่งมาสด้า3 ที่ยังคงสร้างความเชื่อมั่นมาโดยตลอด มียอดขายสูงถึง...
1 263 264 265 266 267 281
Page 265 of 281