กิจกรรม & CSR

ทีมช่างอีซูซุไทยคว้าแชมป์ I-1 Grand Prix 2018 

ทีมช่างอีซูซุไทยสุดเจ๋ง คว้าแชมป์ในการแข่งขันทักษะบริการด้านเทคนิคของอีซูซุ ระดับนานาชาติ สำหรับกลุ่มรถปิกอัพ ประจำปี 2018 (Isuzu World Technical Competition I-1 Grand-Prix 2018, LCV division)  ซึ่งปีนี้จัดการแข่งขันขึ้นในประเทศไทยและมีทีมตัวแทนจากผู้จำหน่ายอีซูซุ  24 ประเทศทั่วโลกเข้าร่วมการแข่งขัน เพื่อเป้าหมายในการยกระดับทักษะการบริการหลังการขายของกลุ่มอีซูซุทั่วโลก   เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจและความพอใจสูงสุดของผู้ใช้รถอีซูซุ ณ อิมแพ็คอารีน่า เมืองทองธานี  โดยมี นายมาซาโนริ คาตายามา กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีซูซุ  มอเตอร์  ประเทศญี่ปุ่น บินจากกรุงโตเกียวเพื่อมาเป็นประธานในการแข่งขัน  พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงของกลุ่มอีซูซุทั่วโลก การแข่งขันทักษะบริการด้านเทคนิคของอีซูซุ ระดับนานาชาติ หรือ I-1 Grand Prix   เป็นการแข่งขันทดสอบความรู้ด้านทฤษฎีเทคนิคช่างยนต์   และการสอบภาคปฏิบัติเกี่ยวกับกระบวนการคิดและตัดสินใจในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ภายในระยะเวลาจำกัด เสมือนสถานการณ์จริงในการทำงาน  โดย 1 ทีมประกอบด้วยสมาชิก 3 คน ได้แก่ ช่างเทคนิค 2 คน และโค้ช 1 คน    ซึ่งปีนี้มีทีมตัวแทนจาก  อีซูซุทั่วโลกเข้าร่วมแข่งขันรวม 24 ทีม  ได้แก่ กลุ่มเอ : ออสเตรเลีย เบลเยียม  กัมพูชา  จีน  ปารากวัย  กาตาร์  เอลซัลวาดอร์  ลาว  อียิปต์  อินเดีย  อินโดนีเซีย และมาเลเซีย กลุ่มบี : มอลตา ซาอุดิอาระเบีย  ปานามา  นิวซีแลนด์  ฟิลิปปินส์  รัสเซีย  สิงคโปร์  แอฟริกาใต้  ศรีลังกา  ไทย  อังกฤษ และเวียดนาม ผลการแข่งขัน...
รถยนต์ในประเทศ

ส.ค.ยอดขายรถเพิ่มขึ้นกว่า 27 %

เดือนส.ค. ผลิตรถยนต์ 181,237 คัน เพิ่มขึ้น 2.15 % ขายในประเทศ 86,780 คัน เพิ่มขึ้น 27.7 %ส่งออก 102,513 คัน ลดลง 0.38 % นายสุรพงษ์  ไพสิฐพัฒนพงษ์  รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า จำนวนการผลิต ยอดขายภายในประเทศ และการส่งออกรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของประเทศ ในเดือนสิงหาคม 2561 ดังต่อไปนี้   จำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนสิงหาคม 2561 มีทั้งสิ้น 181,237 คัน เพิ่มขึ้น 2.15 %จากการผลิตรถยนต์นั่งและรถกระบะเพื่อจำหน่ายในประเทศเพิ่มขึ้น   ขณะที่ในเดือนมกราคม - สิงหาคม 2561 ผลิตได้ มีจำนวนทั้งสิ้น 1,420,925 คัน เพิ่มขึ้น 10.37 % ส่วนการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เดือนสิงหาคม 2561 ส่งออกได้ 102,513 คัน ลดลง 0.38 % เนื่องจากการส่งออกรถยนต์นั่งและรถ PPV ที่ลดลง โดยลดลงเกือบทุกตลาด ยกเว้นตลาดเอเชีย ตลาดแอฟริกา และตลาดยุโรป  มูลค่าการส่งออก 55,727.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.8%  มูลค่าเพิ่มขึ้นเนื่องจากส่งออกรถกระบะเพิ่มขึ้น 7.02 % เครื่องยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 3,158.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.97%  ชิ้นส่วนรถยนต์อื่นๆ มีมูลค่าการส่งออก 19,675.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.77 % อะไหล่รถยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 2,037.16 ล้านบาท...
รถเพื่อการพาณิชย์

มิตซูบิชิฉลอง 40 ปีรถกระบะเตรียมเปิดตัวรถรุ่นใหม่

ในปี พ.ศ. 2521เป็นยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง อุตสาหกรรมวีดีโอเกมได้ถือกำเนิดขึ้น เครือข่ายโทรศัพท์มือถือกำลังถูกพัฒนาขึ้นในประเทศญี่ปุ่น และซุปเปอร์แมนเริ่มเป็นที่โด่งดังในโลกภาพยนตร์ ในช่วงเวลาเดียวกันนี้รถกระบะมิตซูบิชิขนาดหนึ่งตันได้ถูกเผยโฉมขึ้นเป็นครั้งแรก และในอีกสี่ทศวรรษต่อมารถรุ่นดังกล่าวได้กลายเป็นยานพาหนะสำหรับผู้คนทั่วโลกมากกว่า 4.7 ล้านคน รถกระบะมิตซูบิชิโดดเด่นด้วยความสามารถในการขับเคลื่อนบนทุกสภาพถนนและภูมิประเทศ ด้วยการพัฒนาและออกแบบเพื่อมุ่งตอบสนองทุกความปรารถนาของลูกค้าผู้ชื่นชอบรถกระบะทั้งในด้านความแข็งแกร่งทนทาน และการบรรทุกสัมภาระรวมถึงความอเนกประสงค์และความสะดวกสบายในการโดยสารที่ไม่ต่างไปจากรถยนต์นั่งแบบซีดาน รถกระบะมิตซูบิชิรุ่นแรกเผยโฉมในนาม ฟอร์เต้(FORTE)หรือแอล200 (L200) ในบางประเทศที่ยังถูกใช้งานจนถึงปัจจุบัน โดยรถกระบะมิตซูบิชิ ฟอร์เต้ได้รับการพัฒนาให้แข็งแกร่งทนทานต่องานบรรทุกทั้งผู้โดยสารและสัมภาระ รถกระบะมิตซูบิชิ ฟอร์เต้ขนาดหนึ่งตันขับขี่ง่ายสมรรถนะแกร่งทนทานกับการใช้งานบรรทุกสัมภาระ จึงได้รับความนิยมไปทั่วโลกในเวลาไม่นาน ทั้งในประเทศที่มีสภาพภูมิอากาศแบบหนาวจัดและแบบทะเลทรายที่ร้อนระอุ กระนั้น มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ยังคงมุ่งมั่นพัฒนารถกระบะให้แก่ลูกค้า เพื่อให้สามารถฝ่าฟันทุกอุปสรรคและไปได้ไกลกว่าเดิม ด้วยการคิดค้นระบบขับเคลื่อนสี่ล้อระดับตำนานมาใช้ในรถกระบะมิตซูบิชิ ฟอร์เต้รุ่นปี พ.ศ. 2523ซึ่งต่อมาได้กลายต้นแบบของยนตรกรรมขับเคลื่อนสี่ล้อยุคใหม่ของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ได้แก่ มิตซูบิชิ ปาเจโร หรือ มอนเทโร และ มิตซูบิชิ เดลิกา ในเวลาต่อมา รถกระบะมิตซูบิชิถูกส่งไปจำหน่ายในอีกหลายประเทศภายใต้ชื่อไทรทันซึ่งประสบความสำเร็จและได้กลายเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนธุรกิจที่สำคัญของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส อีกด้วย ทั้งนี้แพลตฟอร์มของ มิตซูบิชิ ไทรทันเจอเนอเรชั่นแรก และเจนเนอเรชั่นที่สอง ได้รับการพัฒนาขึ้นที่ศูนย์การผลิตยานยนต์ของมิตซูบิชิ มอเตอร์สที่เขตโอเอะ เมืองนาโกย่าและต่อมา มิตซูบิชิ ไทรทัน เจอเนอเรชั่นที่สามในปี พ.ศ. 2538ซึ่งถูกผลิตขึ้นและส่งออกไปยังตลาดทั่วโลกจากศูนย์การผลิตยานยนต์ มิตซูบิชิ มอเตอร์สแหลมฉบัง ประเทศไทยและปัจจุบันยังเป็นศูนย์การผลิตยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ด้วยจำนวนการผลิตประมาณ 400,000 คัน ยนตรกรรมกระบะรุ่นใหม่แห่งอนาคตพร้อมแล้วสำหรับการเผยโฉมเร็วๆนี้...
นวัตกรรม

มิชลิน ไพรมาซี่ 3 แซดพี รุกตลาดยางรันแฟลต

  ยางมิชลินส่ง ‘มิชลิน ไพรมาซี่ 3 แซดพี’ (MICHELIN Primacy 3 ZP) ลงรุกตลาด “ยางรันแฟลต” (Run-Flat Tyre) …ยางที่วิ่งต่อได้แม้ไม่มีลมยางในกรณีที่ยางรั่วซึมหรือถูกตำทะลุขณะใช้งาน (ระยะทางไม่เกิน 80 กิโลเมตร ที่ความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ทำให้สามารถควบคุมรถและขับต่อไปยังสถานที่ปลอดภัยได้โดยไม่ต้องกังวลหรือเสี่ยงอันตรายจากการจอดเปลี่ยนยางอะไหล่ข้างทาง พร้อมปรับลดราคาให้ผู้ขับขี่สามารถสัมผัสอีกระดับของความปลอดภัยจากยางรันแฟลตได้ในราคาคุ้มค่ายิ่งขึ้น ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ยางในตระกูล ZP (Zero Pressure) ใช้ได้กับรถยนต์ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับยางรันแฟลตเท่านั้น เช่น BMW หรือ Mercedes-BENZ เกือบทุกรุ่น จุดเด่นพิเศษของยาง ‘มิชลิน ไพรมาซี่ 3 แซดพี’ คือ ปลอดภัยเป็นเยี่ยมบนทุกสภาพถนนด้วยเนื้อยางสูตรใหม่ที่ช่วยให้มีระยะเบรกสั้นลงกว่ายางตระกูล ZP รุ่นก่อนหน้าทั้งบนถนนเปียกและแห้ง อีกทั้งลวดลายดอกยางแบบใหม่และแถบเนื้อยางเสริมระหว่างบล็อกดอกยางและดอกยางแบบตัดมุมยังช่วยเพิ่มพื้นที่หน้าสัมผัสและสมรรถนะการยึดเกาะ จึงเบรกและเข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ, นุ่มสบายในยามขับขี่มากกว่ายางรันแฟลตทั่วไปด้วยเนื้อยางสูตรใหม่บริเวณแก้มยางและท้องยางให้ความยืดหยุ่นช่วยดูดซับแรงกระแทกและเพิ่มประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ทั้งยังใช้ลวดเสริมขอบยางขนาดเล็กลงแต่แข็งแรงเท่าเดิมช่วยให้ยางมีน้ำหนักและความกระด้างลดลง  นอกจากนี้ยังให้ความเงียบขณะขับขี่ไม่ต่างจากยางปกติรุ่นเดียวกันของมิชลินอีกด้วย ผู้สนใจสามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ยาง ‘มิชลิน ไพรมาซี่ 3 แซดพี’ ซึ่งมีวางจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 16 ขนาด (ขอบ 16-19 นิ้ว) ได้ที่เครือข่ายศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร ‘ไทร์พลัส’ และร้านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของมิชลินทั่วประเทศ ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 5,990 บาทต่อเส้น © Photo François Berrué tel : 0609245160  ...
รถจักรยานยนต์

“ช้าง เซอร์กิต” เนรมิตแทร็กต้อนรับ โมโตจีพี ครั้งแรกในไทย

ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต สังเวียนมอเตอร์สปอร์ตระดับโลกในเมืองไทย ลุยงานเต็มสูบในการเตรียมความพร้อมเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน โมโตจีพี ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย พร้อมเดินหน้าติดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อัฒจันทร์ที่จะจุผู้ชมได้กว่า 100,000 คน รองรับแฟนมอเตอร์สปอร์ตจากทั่วโลกที่จะเข้าชมศึก พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2018 ระหว่างวันที่ 5-7 ตุลาคมนี้ ศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก โมโตจีพี 2018 มีคิวเดินทางมาดวลความเร็วสนาม 15 ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ภายใต้ชื่อรายการ พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ ท่ามกลางความตื่นตัวของแฟนๆ มอเตอร์สปอร์ตที่ชื่นชอบเกมความเร็วชาวไทยคอยที่ติดตามอย่างใกล้ชิด ขณะที่บัตรเข้าชมทั้งแกรนด์สแตนด์ และไซด์สแตนด์ รวมถึงโซนเชียร์นักบิดอย่าง วาเลนติโน รอสซี่ และ มาร์ค มาร์เกซ สองดาวดังของโมโตจีพีก็หมดลงอย่างรวดเร็ว หากนับจากวันนี้จะเหลือเวลาราว 3 สัปดาห์ก่อนที่จะเข้าสู่โปรแกรมการแข่งขัน โมโตจีพี รายการ พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ ซึ่งความคืบหน้าล่าสุดของ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ที่รับหน้าที่เป็นสังเวียนรองรับการแข่งขันนั้น อยู่ในระหว่างการเดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อให้พร้อมที่สุดสำหรับการรองรับแฟนความเร็วหลายแสนคนจากทั่วโลก นายตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ กรรมการผู้อำนวยการ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ เผยว่า “ตอนนี้ทุกอย่างเกือบสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วครับ เราได้ติดตั้งอัฒจันทร์ชั่วคราว (ไซด์สแตนด์) เพิ่มเข้าไปแล้วทุกจุด รวมถึงโซนวีไอพีต่างๆ และสิ่งอำนวยความสะดวกภายในสนาม ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะเพียงพอต่อความต้องการของแฟนๆ เรือนแสนคนที่จะเข้าชมการแข่งขัน พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์” “นับจากวันนี้จะเหลือเวลา 3 สัปดาห์ เราทุกคนทำงานอย่างเต็มที่เพื่อสร้างประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญของประเทศไทย ซึ่งโมโตจีพีครั้งแรกบัตรเข้าชมได้ถูกจำหน่ายหมดลงอย่างรวดเร็ว ที่พักในเมืองบุรีรัมย์ก็เต็มอย่างรวดเร็ว รวมถึงพื้นที่อำเภอและจังหวัดรอบๆ ด้วย ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับประเทศไทยได้เป็นอย่างดี” นายตนัยศิริ กล่าว นอกจากนี้...
รถจักรยานยนต์

ยามาฮ่าจัดกิจกรรม Yamaha Presents “Automatic is NOW! Festival” ที่เชียงใหม่

นางสาวจินตนา อุดมทรัพย์  รองประธานกรรมการบริหาร นายพงศธร เอื้อมงคลชัย  ผู้จัดการใหญ่ด้านการค้า พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ถ่ายภาพร่วมกับศิลปิน getsunova พรีเซ็นเตอร์รถจักรยานยนต์ Yamaha Grand Filano Hybrid ในพิธีเปิดกิจกรรม Yamaha Presents “Automatic is NOW! Festival” ที่เชียงใหม่ โดยยามาฮ่าได้จัดกิจกรรมที่รวมความ NOW! ไว้ในที่เดียวพร้อมกับโปรโมชั่นสุดพิเศษสำหรับผู้ที่สนใจรถจักรยานยนต์ออโตเมติกจากยามาฮ่า โดยผนึกกำลังร่วมกับ บริษัท เจริญมอเตอร์เชียงใหม่จำกัด, บริษัท แสงชัยมอเตอร์เซลล์ จำกัด, บริษัท ทวียนต์มาร์เก็ตติ้งเชียงใหม่ จำกัด และ ห้างหุ้นส่วนลิ้มเม่งจั้ว จำกัด พร้อมด้วยพันธมิตรอื่นๆ อีกมากมายในการจัดเทศกาลดนตรี อาหาร        ที่ยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ ที่ ศูนย์การค้า เซ็นทรัล เฟสติวัล เชียงใหม่ เมื่อเร็วๆ นี้  ...
รถยนต์

อีซูซุมอบเงินรางวัลพิเศษแก่ทีมอีซูซุ แชมป์ “เอเชียครอสคันทรีแรลลี่ 2018”

กลุ่มตรีเพชร โดย นายโทชิอากิ มาเอคาวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ร่วมแสดงความยินดีกับทีมอีซูซุ สมาคมขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ที่นำรถ “อีซูซุ วี-ครอส 4x4” ตะลุยผ่านเส้นทางหฤโหดจากประเทศไทยสู่ประเทศกัมพูชา กว่า 2,000 กม. คว้าแชมป์ทุกประเภทในการแข่งขัน “เอเชียครอสคันทรีแรลลี่ 2018” พร้อมมอบเงินสนับสนุนพิเศษ 200,000 บาท ให้แก่ นายณัฐพล อังฤทธานนท์ และ น.อ.พีรพงษ์ สมบัติวงศ์ แชมป์โอเวอร์ออลและแชมป์ประเภทเครื่องยนต์ดีเซลโมดิฟายด์ (T1-D) และเงินสนับสนุนพิเศษ 50,000 บาท ให้แก่นายศิริชัย ศรีเจริญศิลป์ และนายประกอบ ชาวทะเล แชมป์ประเภทเครื่องยนต์ดีเซลสแตนดาร์ด (T2-D) นับเป็นปรากฏการณ์พิสูจน์สมรรถนะอันสุดยอดของ “อีซูซุ วี-ครอส 4x4” รถแข่งขาลุยที่สามารถครองแชมป์ต่อเนื่อง 4 ปีซ้อน บนสมรภูมิครอสคันทรีแรลลี่นานาชาติที่ยิ่งใหญ่ของเอเชีย...
นวัตกรรม

กู๊ดเยียร์ฉลอง 120 ปี แห่งนวัตกรรมการขับเคลื่อนยุคใหม่

บริษัท กู๊ดเยียร์ ไทร์ แอนด์ รับเบอร์ จำกัด ผู้นำในวงการที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งอุตสาหกรรมของสหรัฐอเมริกา มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนโลกใบนี้ให้ก้าวไกลมานับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทในพ.ศ. 2441 ในฐานะผู้นำในอุตสาหกรรมยาง กู๊ดเยียร์มีความภาคภูมิใจที่ได้ฉลองความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์เนื่องในโอกาสครบรอบ 120 ปีของการก่อตั้งบริษัทและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ได้สร้างสรรค์มา พร้อมมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมที่ก้าวไกลกว่าเรื่องยาง เพื่อผลักดันให้เกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งใหม่ด้านเทคโนโลยีการขับเคลื่อน “มีเพียงไม่กี่องค์กรที่สามารถสร้างความสำเร็จให้เกิดขึ้นได้ในจังหวะที่สอดคล้องกับวาระสำคัญของมนุษยชาติ ดังเช่นบริษัท กู๊ดเยียร์ ไทร์ แอนด์ รับเบอร์ จำกัด โดยหลังจากที่ก่อตั้งบริษัทในช่วงต้นของยุคยานยนต์ กู๊ดเยียร์ได้ประสบความสำเร็จถึงขีดสุด ทะยานสู่ฟากฟ้าและเดินทางไปสำรวจดวงจันทร์ได้สำเร็จ ซึ่งบริษัทก็ได้ยืนระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรมในด้านนวัตกรรมเสมอมา พร้อมกับมุ่งมั่นนำเสนอ “Freedom To Move” มาสู่ผู้บริโภคและลูกค้า ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการต่างๆ ที่เหนือชั้น” มรนายไรอัน แพทเตอร์สัน ประธานบริษัท กู๊ดเยียร์ เอเชีย แปซิฟิก กล่าว “จากความสำเร็จตลอด 120 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้สืบสานเจตนารมณ์จากรุ่นสู่รุ่น ในการขับเคลื่อนให้เราพัฒนาไปข้างหน้าสู่การคิดค้นริเริ่มสิ่งใหม่เพื่ออีกหลายทศวรรษข้างหน้า” นายแพทเตอร์สัน กล่าวต่อ “เราเฉลิมฉลองให้กับมรดกแห่งนวัตกรรมให้ห้วงเวลาที่อุตสาหกรรมนี้เติบโตก้าวหน้าเร็วกว่าในอดีต นับตั้งแต่มีการประดิษฐ์ยานยนต์ขึ้นมา” จากสนามแข่ง จนมาถึงหุ่นสำรวจ Modular Equipment Transporter (MET) ของยานอะพอลโล กับภารกิจสำรวจดวงจันทร์อันโด่งดัง ผลิตภัณฑ์ของกู๊ดเยียร์ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ที่ตื่นตาตื่นใจของมนุษยชาติมาแล้วหลายเหตุการณ์ และนี่คือตัวอย่างนวัตกรรมสำคัญของกู๊ดเยียร์ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และก้าวหน้าต่อไปในอนาคต อดีต – กู๊ดเยียร์ผุดนวัตกรรมรายแรก ในพ.ศ. 2382  นายชาร์ลส์ กู๊ดเยียร์ได้คิดค้นสิ่งประดิษฐ์ชิ้นสำคัญที่เข้ามาพลิกโฉมการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คนไปตลอดกาล นั่นก็คือกระบวนการคงรูปของยาง (Vulcanization of rubber) บริษัทที่ก่อตั้งตามชื่อของเขาจึงนับว่าเป็นแห่งแรกที่คิดค้นสิ่งใหม่หลายอย่าง ทั้งยางสำหรับรถยนต์เพื่อผู้ขับขี่ทั่วไปของฟอร์ด โมเดล ที (Ford Model T พ.ศ. 2451) ยางอัดลมรุ่นแรกสำหรับอากาศยาน (พ.ศ. 2452) และยางรุ่นแรกเพื่อการสำรวจดวงจันทร์โดยนักบินอวกาศนาซ่า (พ.ศ. 2514) หลังจากที่ได้เปิดตัวยางสำหรับอากาศยานรุ่นแรก...
รถเพื่อการพาณิชย์

มาสด้าส่ง บีที-50 โปร ธันเดอร์ เจาะตลาดบน

ศึกปิกอัพระอุ มาสด้าทวงบัลลังก์ยอดขายรถปิกอัพ ส่ง บีที-50 โปร ธันเดอร์ จับตลาดบน เน้นลูกค้าที่ต้องการความหรูหรา ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันที่หลากหลาย มาสด้าไม่ได้เป็นเพียงแบรนด์รถยนต์ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดในส่วนของรถยนต์นั่งเท่านั้น แต่มาสด้ายังได้สร้างสรรค์รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกหนึ่งให้กับผู้ที่มีความชื่นชอบในการใช้รถปิกอัพสไตล์รถเก๋ง ดังนั้นมาสด้าจึงมุ่งค้นหาเอกลักษณ์เฉพาะตน ทั้งในเรื่องการออกแบบที่สวยงาม ดีไซน์สปอร์ตหรู พร้อมกับห้องโดยสารกว้างขวาง เพราะรถปิกอัพนั้นไม่ใช่เพียงรถที่ไว้บรรทุกของ แต่ยังสามารถนำมาใช้เพื่อการเดินทางในชีวิตประจำวัน รวมถึงเพื่อการท่องเที่ยวเดินทางไปยังที่สถานที่ต่างๆ ได้อย่างปลอดภัย และในวันนี้มาสด้าได้เผยโฉม มาสด้า บีที-50 โปร ธันเดอร์ ใหม่ ภายใต้แนวคิด “ให้ทุกเป้าหมายเป็นจริงได้” นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลาดรถกระบะนั้นครองอันดับ 1 ครองยอดส่วนแบ่งตลาดสูงสุดมาโดยตลอด เนื่องจากประเทศไทยส่วนใหญ่ยังเป็นประเทศเกษตรกรรม รถกระบะจึงเป็นยานพาหนะที่เหมาะสมในการใช้งานรอบด้าน ซึ่งปัจจุบันรถปิกอัพโดยส่วนใหญ่ในตลาดนั้นจะเน้นคุณสมบัติของการบรรทุกเป็นหลัก ดังนั้น มาสด้าจึงฉีกแนวรูปลักษณ์ของรถกระบะแบบเดิมๆ ด้วยการเพิ่มในส่วนของการออกแบบที่สวยงามยิ่งขึ้น รวมทั้งได้ผลลัพธ์ของการใช้งานที่หลากหลายเช่นเดียวกับรถอเนกประสงค์ และสัมผัสได้ในสไตล์รถยนต์นั่งมากยิ่งขึ้น ซึ่งการปรับดีไซน์ใหม่ในครั้งนี้ มาสด้าได้เพิ่มสติ๊กเกอร์ลายกราฟฟิกด้านข้าง พร้อมดีไซน์กันชนหน้าใหม่ เพิ่มกระจังหน้าแบบโครเมียมดีไซน์ใหม่ ให้มุมมองความสปอร์ตและเพิ่มความหรูหรามากยิ่งขึ้นโดยมีให้เลือก 3 รุ่นคือ FSC  Hi-Racer 2.2L 6MT     ราคา  701,000     บาท   รุ่น DBL Hi-Racer 2.2L 6MT      ราคา 792,000 บาท รุ่น DBL Hi-Racer 2.2L 6AT ราคา 952,000 บาท(สีเมทัลลิค และสีขาวมุก สโนว์เฟลก เพิ่ม 7,000 บาท) การเปิดตัวรถกระบะมาสด้า บีที-50 โปร ธันเดอร์ ใหม่  ในครั้งนี้ ถือเป็นการกระตุ้นกลุ่มผู้บริโภคในเรื่องของการสร้างการจดจำของแบรนด์ในส่วนของไลน์รถกระบะของมาสด้า ซึ่งในปีนี้มาสด้าวางเป้ายอดขายรถกระบะ...
กิจกรรม & CSR

มูลนิธิโตโยต้าฯ มอบทุน 1ล้านบาท แก่เยาวชนภาคใต้

นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานมูลนิธิโตโยต้าประเทศไทย มอบทุนการศึกษาประจำปี 2561 จำนวน 136 ทุน รวมมูลค่า 1,000,000 บาท แก่นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต จาก 14 จังหวัดภาคใต้ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ เพื่อมุ่งหวังให้เยาวชนได้รับการศึกษาที่ดี และนำความรู้ความสามารถไปใช้ในการประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว รวมทั้งช่วยพัฒนาชุมชนในอนาคต โดยได้รับเกียรติจากคณะกรรมการมูลนิธิโตโยต้าฯ ร่วมเป็นสักขีพยาน เมื่อวันศุกร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2561 ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต จ.ภูเก็ต มูลนิธิโตโยต้าประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2535 มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานขององค์กรสาธารณกุศล ทั้งภาครัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่อง ด้วยการมอบทุนสนับสนุนเป็นประจำทุกปี โดยมุ่งเน้นในการส่งเสริมสังคมอย่างยั่งยืนผ่าน 3 แนวทาง ได้แก่            ส่งเสริมการศึกษาแก่เด็กและเยาวชนที่อยู่ห่างไกล รวมถึงสนับสนุนการศึกษาทุกระดับชั้น ทั้งทางด้านประวัติศาสตร์  ศิลปวัฒนธรรม และความเข้าใจเกี่ยวกับประเทศเพื่อนบ้าน            พัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็ก เยาวชน และคนพิการ รวมถึงส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม            ส่งเสริมการดำเนินการขององค์กรสาธารณกุศลต่างๆ เพื่อสาธารณประโยชน์ พิธีมอบทุนการศึกษาในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษาให้แก่เยาวชนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ในการศึกษา ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตจังหวัดภาคใต้ โดยมุ่งหวังที่จะพัฒนาเยาวชนไทยให้มีโอกาสในการเข้าศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น เพื่อนำความรู้ความสามารถกลับมาพัฒนาชุมชนรวมถึงการประกอบอาชีพต่อไปในอนาคต โดยโครงการนี้ได้ดำเนินงานต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลากว่า 13 ปี นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 โดยมีเยาวชนภาคใต้ได้รับทุนแล้วจำนวน 1,386 ทุน คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 11,250,000 บาท               สำหรับการมอบทุนการศึกษาประจำปี 2561 ในเขตภาคใต้ ทางมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต มีนักศึกษาเข้ารับทุน จำนวน 136 ทุน รวมมูลค่าทั้งสิ้น 1,000,000 บาท โดยมีรายละเอียดดังนี้ คณะครุศาสตร์                 ...
1 268 269 270 271 272 281
Page 270 of 281