รถใหม่ต่างประเทศ

นวัตกรรมรถใหม่ต่างประเทศ

Volvo 360c ยานยนต์ไร้คนขับ ปลอดภัยไร้อุบัติเหตุ

วอลโว่ ริเริ่มแนวคิดการพัฒนารถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติรุ่น 360c ใหม่ล่าสุด มุ่งหน้าสู่ความท้าทายใหม่ในการนำเสนอเทคโนโลยีการขับเคลื่อนอัตโนมัติ พร้อมเรียกร้องให้ทั่วโลกสร้างมาตรฐานสากลรูปแบบใหม่เพื่อการสื่อสารของรถยนต์ระบบอัตโนมัติกับผู้ใช้รถใช้ถนนได้อย่างปลอดภัย การขับเคลื่อนอัตโนมัติและความปลอดภัยมีความสัมพันธ์กันอย่างมาก และเทคโนโลยีมีศักยภาพในการยกระดับสวัสดิภาพบนท้องถนนได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเห็นได้จากการที่วอลโว่ได้คิดค้นเข็มขัดนิรภัยแบบสามจุดมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1959 อย่างไรก็ดี เทคโนโลยีระบบอัตโนมัติไม่สามารถนำมาใช้ได้ในชั่วข้ามคืน หากต้องดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป ดังนั้น รถยนต์ระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบจะถูกนำมาใช้ในสภาพการขับขี่บนท้องถนนแบบผสมผสานซึ่งรถยนต์ไร้คนขับจะได้ใช้ถนนร่วมกับผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่น ๆ สภาพการจราจรบนท้องถนนนั้นระบบอัตโนมัติไม่สามารถตรวจจับผู้อื่นและไม่สามารถล่วงรู้ถึงเจตนาของผู้ขับรถยนต์คันอื่นได้ ซึ่งนี่ถือเป็นองค์ประกอบหลักของการเกิดปฏิสัมพันธ์ของผู้ใช้ท้องถนนในทุกวันนี้ ทีมวิศวกรด้านความปลอดภัยของวอลโว่จึงตัดสินใจมุ่งหน้าสู่ความท้าทายนี้ เพื่อค้นหาการสร้างวิธีการที่ปลอดภัยในการสื่อสารระหว่างรถยนต์ระบบอัตโนมัติกับผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนารถยนต์รุ่น 360c รุ่นใหม่ของวอลโว่ นอกจากนี้ วอลโว่ยังให้ความสำคัญกับการสร้างมาตรฐานสากล เพื่อให้ผู้ใช้รถใช้ถนนไม่ต้องกังวลถึงรูปแบบหรือแบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์ระบบอัตโนมัติที่มีลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกัน รถยนต์รุ่น 360c แก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ด้วยการนำเสนอระบบที่จับทั้งสัญญาณเสียง สี ภาพ การเคลื่อนไหวภายนอกตัวรถ รวมถึงการผสมผสานเครื่องมือเหล่านี้เข้าด้วยกัน เพื่อใช้ในการสื่อสารเจตนาของผู้ขับไปยังผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่น ๆ ซึ่งจะช่วยสร้างความชัดเจนได้ตลอดเวลาว่ารถยนต์คันนี้จะทำสิ่งใดเป็นไปตามลำดับ สิ่งสำคัญเหนืออื่นใด แม้การออกแบบเทคโยโลยีการสื่อสารที่ปลอดภัยของ 360c จะให้ความสำคัญกับการสื่อสารเจตนาของผู้ขับไปยังผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่น ๆ แล้วก็ตาม แต่ 360c จะไม่มีการบังคับทิศทางหรือให้คำชี้นำใด ๆ กับผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่น ๆ “เราเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า รูปแบบการสื่อสารนี้ควรกำหนดเป็นมาตรฐานสากล เพื่อให้ผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคนสามารถสื่อสารกับรถยนต์ระบบอัตโนมัติได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องกังวลว่าเป็นรถยนต์ที่พัฒนาโดยผู้ผลิตรายใด” มาลิน เอคโฮล์ม รองประธานศูนย์ความปลอดภัยวอลโว่ กล่าว “เป็นเรื่องสำคัญที่เราจะต้องไม่ชี้นำผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่น ๆ ให้ปฏิบัติสิ่งใดเป็นขั้นตอนตามลำดับ เพื่อหลีกเลี่ยงความสับสนที่อาจจะเกิดขึ้นได้ งานวิจัยของเราแสดงให้เห็นว่านี่คือวิธีการที่ปลอดภัยที่สุดของรถยนต์ระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ ในการสื่อสารกับผู้ใช้รถใช้ถนนทั่วไป” รถยนต์รุ่น 360c แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของวอลโว่ในเรื่องของการเดินทางในอนาคต ที่ควบคุมด้วยระบบอัตโนมัติ พลังงานไฟฟ้า การเชื่อมต่อ และความปลอดภัย ซึ่งจะทำให้แบรนด์วอลโว่รุกสู่ตลาดที่มีศักยภาพแห่งใหม่ รถยนต์รุ่นนี้ยังมอบความเป็นเลิศในการใช้งานยานยนต์อัตโนมัติแห่งอนาคตทั้ง 4 รูปแบบ ได้แก่การมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการนอนหลับ สำนักงานเคลื่อนที่ ห้องพักผ่อน และศูนย์รวมความบันเทิง ซึ่งจะเปลี่ยนแนวคิดในการเดินทางของผู้คนไปตลอดกาล สำหรับสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการนอนหลับ ทีมวิศวกรรด้านความปลอดภัยของวอลโว่ได้คำนึงถึงอนาคตของเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยและท่วงท่าของผู้โดยสารที่จะส่งผลถึงความปลอดภัย โดยได้มีการติดตั้งผ้าห่มนิรภัยรุ่นพิเศษในการสร้างสรรค์สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการนอนหลับเพื่อแสดงถึงระบบการควบคุมแห่งอนาคตที่ทำงานเหมือนกับระบบเข็มขัดนิรภัยแบบสามจุด แต่สามารถปรับตำแหน่งให้เหมาะสมกับการเอนตัวนอนของมนุษย์ในขณะเดินทางได้อย่างเหมาะสม รถยนต์วอลโว่รุ่น 360c มุ่งเป้าหมายไปที่กลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่ที่มีศักยภาพต่อการเติบโตของบริษัท และถือเป็นการสื่อนัยต่อความจำเป็นในการวางผังเมือง การสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน และการวางแนวทางการสร้างสรรค์สภาพแวดล้อมของเมืองสมัยใหม่ที่อาจเกิดขึ้นได้จริงในอนาคตอันใกล้นี้  ...
นวัตกรรมรถใหม่ต่างประเทศ

มาสด้าประกาศยุทธศาสตร์รถไฟฟ้า

มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประกาศยุทธศาสตร์เกี่ยวกับเทคโนโลยีรถยนต์พลังงานไฟฟ้า และการเชื่อมโยงการสื่อสารภายในยานยนต์ที่กำลังจะถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานปรัชญาการพัฒนาโดยมีมนุษย์เป็นศูนย์กลาง มีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความสุข ความสนุกสนาน และความเร้าใจในการขับขี่ เพื่อให้ผู้ขับขี่รวมทั้งผู้โดยสารเกิดความรู้สึกสงบสุขด้านจิตใจ ผ่านทางอารมณ์และความรู้สึกที่เพิ่มขึ้น เป็นหนึ่งเดียวกับรถยนต์ในทุกๆ วันของการขับขี่ พร้อมนำเสนอเรื่องราวเพื่อเพิ่มความสนุกผ่านการเป็นเจ้าของรถยนต์ ยุทธศาสตร์นี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานและวิสัยทัศน์ระยะยาวของมาสด้าในการพัฒนาเทคโนโลยี “การพัฒนาอย่างยั่งยืนของ ซูม-ซูม 2573” โดยกำหนดเป็นพันธกิจสำคัญของบริษัทฯ เพื่อปกป้องรักษาความสวยงามของโลกใบนี้ให้คงอยู่ รวมทั้งยกระดับสังคมและคุณภาพชีวิตของปัจเจกบุคคล และแสวงหาวิธีแก้ไขปัญหาในพื้นที่แหล่งที่ผู้คนอาศัยอยู่ในสังคม และโลกของเรา แผนงานของเทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้าและการเชื่อมโยงด้านยานยนต์ด้านล่างนี้จะเพิ่มคุณสมบัติตามธรรมชาติของรถยนต์มากขึ้น                 เทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้า Electrification มาสด้าตั้งปณิธานอย่างแน่วแน่เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และเพิ่มความสนุกในการขับขี่ โดยจัดการเรื่องขนาดของรถยนต์ เทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้าให้มีน้ำหนักเบา ในขณะเดียวกันได้เร่งพัฒนาปรับปรุงเครื่องยนต์สันดาปภายในให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น เพื่อเตรียมสำหรับรถยนต์ส่วนใหญ่ที่เป็นโมเดลใหม่ในอนาคตข้างหน้า บริษัทฯ จะทำการแนะนำรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเพื่อเป็นทางเลือกที่เหมาะสม โดยมีอัตราการผลิตพลังงานไฟฟ้าในสัดส่วนที่สูงจากแหล่งพลังงานที่สะอาด หรือจำกัดประเภทของรถยนต์เพื่อลดการปล่อยมลพิษสู่บรรยากาศ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะไปให้ถึงเป้าหมายในการลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ “well-to-wheel” ในระดับค่าเฉลี่ยขององค์กร ให้ได้ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ ภายในปี พ.ศ. 2593 เมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2553 มาสด้ากำลังจะนำเอาเทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้าในรูปแบบต่างๆ มาใช้เพื่อผลิตรถยนต์ทุกรุ่นภายในปี พ.ศ. 2573 ในปี พ.ศ. 2573 มาสด้าคาดว่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน ที่ทำงานร่วมกับเทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้าในรูปแบบต่างๆ จะเพิ่มขึ้นเป็น 95 เปอร์เซ็นต์ ของยานพาหนะที่ถูกผลิตขึ้นและยานยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) จะมีประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ การพัฒนายานยนต์พลังงานไฟฟ้าภายในบริษัทฯ ด้วยการยกระดับข้อดีต่างๆ ของระบบการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า และได้รับการแนะนำด้วยปรัชญาที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของมาสด้า ด้วยการพัฒนาอันมีมนุษย์เป็นศูนย์กลางโดยเน้นในเรื่องของพฤติกรรมและความรู้สึก มาสด้าจะพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้าด้วยแบตเตอรี่ 2 รูปแบบ โดยแบบแรกจะเป็นการใช้พลังงานจากแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียว และแบบที่สองจะเป็นในรูปแบบของแบตเตอรี่ทำงานควบคู่ไปกับเทคโนโลยีช่วยเพิ่มระยะทางในการขับขี่ (Range Extender) ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่ โดยแหล่งกำเนิดพลังงานมาจากเครื่องยนต์โรตารีของมาสด้าที่มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา และเงียบเป็นพิเศษ ระบบช่วยเพิ่มระยะทาง (Range Extender) ด้วยการเติมประจุไฟเข้าแบตเตอรี่อีกครั้งเมื่อมีความจำเป็นเพื่อที่จะเพิ่มระยะทางในการขับขี่ของรถยนต์อย่างมีประสิทธิภาพ แนวคิดเบื้องหลังของรถยนต์ไฟฟ้าที่มีเทคโนโลยีช่วยเพิ่มระยะทางในการขับขี่ (Range Extender) นำเอาคุณสมบัติข้อดีของเครื่องยนต์โรตารีที่มีขนาดเล็กแต่ให้พละกำลังแรง เพื่อนำเสนอทางเลือกที่หลากหลายและเป็นไปได้สำหรับเทคโนโลยีรถยนต์พลังงานไฟฟ้า...
รถใหม่ต่างประเทศ

ปอร์เช่จับมือ Turo เปิดโครงการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ขับรถสปอร์ต

ปอร์เช่ บริษัทผู้ผลิตรถสปอร์ตระดับแนวหน้าของโลกสัญชาติเยอรมัน อันมีฐานการผลิตอยู่ในZuffenhausenได้เปิดตัวโครงการนำร่องใหม่ล่าสุดที่เปิดโอกาสให้“Host” หรือเจ้าของรถยนต์ปอร์เช่ซึ่งมีถิ่นพำนักในประเทศสหรัฐอเมริกา สามารถเข้าร่วมบริการระยะสั้นสำหรับการนำเสนอการแบ่งปันประสบการณ์ในการขับขี่รถยนต์ปอร์เช่โดยตรงผ่านการติดต่อสื่อสารอย่างอิสระด้วยขั้นตอนการเริ่มต้นโครงการในแบบเดียวกับ“Porsche Passport” โดยจำกัดสิทธิ์ในการสมัครเข้าร่วมเฉพาะรุ่นรถยนต์ที่วางจำหน่ายตั้งแต่ปีที่แล้ว ทั้งนี้กิจกรรมดังกล่าวคืออีกหนึ่งความก้าว หน้าในกระบวนการพัฒนายานพาหนะแนวคิดใหม่ในอนาคต โครงการ Porsche Host มีลักษณะการดำเนินงานในแบบ peer-to-peer car sharing programmeหรือการแบ่งปันประสบการณ์การขับขี่รถยนต์ผ่านธุรกรรมโดยตรงระหว่างบุคคลโปรแกรมดังกล่าวได้รับการพัฒนาขึ้นโดย Porsche Digital, Inc. ประสานงานกับTuro พันธมิตรทางธุรกิจของปอร์เช่โครงการนี้จะมีส่วนช่วยให้กลุ่มลูกค้ารถยนต์ปอร์เช่ใน ลอสแองเจลิสและซานฟรานซิสโก ดำเนินกิจกรรมผ่านแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ของTuroได้ตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม 2018 เป็นต้นไป โครงการนี้มีวัตถุประสงค์ในการเปิดโอกาสให้ผู้ขับขี่รถยนต์ที่หลงใหลในยนตรกรรมสปอร์ตปอร์เช่สามารถเข้าถึงและสัมผัสประสบการณ์ในการขับขี่ที่ไม่เหมือนใคร ผ่านการติดต่อสื่อสารโดยตรงจากบุคคลผู้เป็นเจ้าของรถยนต์ปอร์เช่ ทั้งนี้ระยะเวลาในการเช่ายืมนั้น เริ่มต้นตั้งแต่ 1 วันจนถึง 1 เดือน Turoตั้งขึ้นในปี 2009 และมีสำนักงานตั้งอยู่ที่ซานฟรานซิสโก เป็นองค์กรที่ประกอบธุรกิจตัวกลางสำหรับให้บริการเช่ายืมยานพาหนะ โดยผู้เช่ายืมสามารถติดต่อกับเจ้าของยานพาหนะได้อย่างอิสระอย่างไรก็ตาม รถยนต์ปอร์เช่ที่จะได้รับการอนุมัติให้เข้าร่วมโครงการ“Porsche Host” นั้น เจ้าของรถยนต์ปอร์เช่คันดังกล่าวคือผู้ที่ผ่านการอบรมในหลักสูตรพิเศษเฉพาะเพื่อให้ทราบถึงวิธีการและมีทักษะความชำนาญในการนำเสนอประสบการณ์การขับขี่ยนตรกรรมสปอร์ตระดับพรีเมี่ยมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสิ่งเหล่านั้นคือความปรารถนาที่ผู้หลงใหลในรถยนต์ปอร์เช่ทุกคนต้องการจะได้สัมผัสสักครั้งในชีวิตการขับขี่รถสปอร์ต “การได้ร่วมงานกับพันธมิตรทางธุรกิจที่เปี่ยมศักยภาพทั้งในด้านของเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆอย่างTuroนั้น ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญสำหรับการสร้างความเชื่อมั่นว่าเราจะสามารถสร้างสรรค์ผลงานที่เกิดจากจินตนาการให้กลายเป็นความจริงและสามารถสัมผัสได้ รวมทั้งถ่ายทอดสิ่งเหล่านั้นไปยังกลุ่มลูกค้าของเราเพื่อส่งมอบประสบการณ์การขับขี่รถยนต์ปอร์เช่อันสมบูรณ์แบบที่สุด”ข้างต้นคือคำกล่าวจากThiloKoslowskiประธานกรรมการบริหารของ Porsche Digital, Inc.  นอกจากนี้เขายังกล่าวเสริมอีกว่า: “ด้วยการประสานงานอย่างมีประสิทธิภาพระหว่างปอร์เช่และบริษัทพันธมิตรที่ยอดเยี่ยม เราจึงมีความพร้อมอย่างเต็มที่สำหรับการค้นคว้าวิจัยเพื่อพัฒนายานพาหนะและนำเสนอแนวทางการดำเนินธุรกิจรูปแบบใหม่” “การร่วมมือกับปอร์เช่นับเป็นโอกาสอันดีในการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายจำนวนมากที่มีความสำคัญต่อการดำเนินงานของเรา” Andre Haddad ประธานกรรมการบริหารของTuro กล่าวเสริมอีกว่า “ผมเองเป็นแฟนพันธุ์แท้ของปอร์เช่มาโดยตลอด และผมจะรู้สึกดีทุกครั้งที่ได้ส่งต่อกุญแจรถปอร์เช่ 911 ของผม ให้แก่บุคคลอื่นผู้มีความชื่นชอบในรถยนต์ปอร์เช่ได้ลองขับแม้เพียงเวลาสั้นๆก็ตาม”...
นวัตกรรมรถยนต์ต่างประเทศรถใหม่ต่างประเทศ

เบนซ์อวดโฉมรถเอสยูวีพลังไฟฟ้าใหม่ในชื่อ EQC

ค่ายรถหรูอย่างเมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ฤกษ์อวดโฉมรถยนต์พลังไฟฟ้าที่พร้อมจำหน่ายอย่างเป็นทางการในรูปลักษณ์เอสยูวีสุดหรูในชื่อ EQC มิติตัวถัง EQC  ยาว 4,761 มม. กว้าง 1,884 มม. สูง 1,624 มม. และระยะฐานล้อ 2,873 มม. ขณะที่รูปทรงเป็นแบบ 5 ประตู ด้านท้ายมีแนวหลังคาที่ลาดเทต่ำในสไตล์สปอร์ต โครงรถโดยรวมมีพื้นฐานจากรุ่น GLC เส้นสายบนตัวถังด้านท้ายตรงแนวของขอบกระจกตรงเสาหลัง ส่วนรายละเอียดของรูปลักษณ์ทั้งด้านหน้า และด้านหลังมีการสร้างสรรค์ขึ้นใหม่เพื่อให้ดูล้ำสมัย และเฉียบคมสไตล์สปอร์ต ภายในของ EQC  รถเอสยูวีไฟฟ้ารุ่นแรกจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้รับการออกแบบให้ดูสะอาดตาและล้ำหน้า โดยใช้จอไวด์สกรีนความละเอียดสูงในการแสดงข้อมูล พร้อมกับระบบ Infitainment ใหม่ MBUX ซึ่งใช้ AI ในการเรียนรู้การใช้งานต่างๆ ของผู้ขับ และระบบควบคุมการทำงานด้วยเสียง  เมอร์เซเดส เบนซ์  เปิดตัว EQC  400 ซึ่งขุมพลังในการขับเคลื่อนคือมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ที่เพลาล้อคู่หน้าและเพลาล้อคู่หลัง ที่มีพละกำลัง 408 แรงม้า และให้แรงบิดสูงสุด 77.9 กก.-ม. ภายใต้การขับเคลื่อนในรูปแบบ 4 ล้อ  4 Matic โดยที่มอเตอร์ทั้ง 2 ตัวจะรับกระแสไฟฟ้าจากแบตเตอรี่แบบลิเธี่ยมไอออนที่มีความจุ 80 กิโลวัตต์ และถูกติดตั้งไว้ที่พื้นรถระหว่างล้อหน้า-หลัง ซึ่งจากการออกแบบระบบให้มีการทำงานอย่างชาญฉลาด แบะบริหารการใช้กระแสไฟฟ้าในตัวรถได้อย่างลงตัว ซึ่งผลการทดสอบของยุโรป NEDC ระบุว่า สามารถทำระยะทางได้ถึง 450 กม.ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 5.1 วินาที และทำความเร็วสูงสุดที่ 180 กม./ชม. ส่วนรูปแบบการขับขี่ก็มีให้เลือกถึง 5 แบบ คือ Comfort,...
รถใหม่ต่างประเทศออโตโชว์

ปอร์เช่ มาคันน์ ใหม่ เดินเครื่องสายการผลิตแล้ว

สายการผลิตปอร์เช่ มาคันน์ รุ่นใหม่ (The new Porsche Macan) ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วที่โรงงานไลป์ซิก ยนตรกรรมสปอร์ตSUV คันแรกที่ได้รับการรังสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถันเพื่อส่งมอบถึงมือลูกค้า นับตั้งแต่ขั้นตอนการทำสีตัวถังภายนอก ตลอดจนการประกอบชิ้นงานสุดประณีตลงบนตัวรถผ่านกระบวนการผลิตคุณภาพสูงทั้งนี้มีการจัดเตรียมพื้นที่ ส่วนหนึ่งในโรงงานเป็นพิเศษเพื่อการผลิตรถยนต์ปอร์เช่รุ่นนี้โดยเฉพาะ มาคันน์ (Macan) สีMamba Green Metallicคือรถคันแรกจากสายการผลิตที่กำลังเดินทางเพื่อส่งมอบถึงมือลูกค้าชาวจีนเป็นรายแรก  ทั้งนี้ประเทศจีนได้กลายเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่และมีกำลังซื้อสูงที่สุดสำหรับรถยนต์ปอร์เช่ ด้วยปริมาณการส่งมอบรถใหม่ที่สูงกว่า 100,000 คัน นับตั้งแต่มีการเปิดตัวมาคันน์ (Macan) อย่างเป็นทางการเมื่อปี 2014รถสปอร์ตcompact SUV รุ่นนี้ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ความต้องการและยอดการสั่งซื้อที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องผลักดันให้โรงงานต้องเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อ ตอบสนองต่อกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยมกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา: ในช่วงต้นเดือนกันยายนนี้ กำลังการผลิตปอร์เช่มาคันน์(Porsche Macan) ของโรงงานไลป์ซิก จะได้รับการปรับเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากกว่า 420 คันต่อวัน นั่นหมายความว่าอัตราการผลิตดังกล่าวจะสามารถรองรับความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นภายในระยะเวลาไม่กี่วันเท่านั้น “มาคันน์(Macan) คือหนึ่งในรุ่นรถยนต์ที่ประสบความสำเร็จสูงที่สุดสำหรับยนตรกรรมปอร์เช่ที่ถือกำเนิดจากสายการผลิตของโรงงานไลป์ซิก”    Gerd Ruppประธานคณะกรรมการบริหารของ Porsche Leipzig Gmbhได้กล่าวไว้ “ตั้งแต่ปี 2011เป็นต้นมารถยนต์รุ่นนี้ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงและการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆมากมายในองค์กรของเรา: ในช่วงเวลาดังกล่าวโรงงานไลป์ซิกได้รับการพัฒนาเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตจนเต็มศักยภาพสำหรับการมาถึงของรถสปอร์ต compact SUVรุ่นใหม่รถคันนี้ถูกผลิตจากส่วนงานผลิตตัวถังและส่วนงานสีที่สร้างขึ้นใหม่โดยเฉพาะระยะแรกของการเดินเครื่องโรงงานในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2014เราสามารถผลิตได้ถึง 40,000 คันต่อปี ทุกวันนี้กำลังการผลิตของเราเพิ่มขึ้นมากกว่า 90,000 คันต่อปี ทั้งหมดนี้เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าทั่วทุกมุมโลก และตั้งแต่ปี 2014ปอร์เช่ มาคันน์ (Porsche Macan) ได้กลายเป็นรถสปอร์ตcompact SUV ที่ได้รับการมอบถึงมือลูกค้าผู้หลงใหลยนตรกรรมสายพันธุ์ปอร์เช่ในหลากหลายประเทศมากกว่า 350,000 คัน” การปรับโฉมตัวถังภายนอกในหลายๆ ส่วนครั้งล่าสุดนี้ ส่งผลให้ มาคันน์ รุ่นใหม่(The new Macan)มีภาพลักษณ์ที่เฉียบคม ล้ำสมัย แสดงถึงความเป็นยนตรกรรมสปอร์ตอย่างสมบูรณ์แบบ มุมมองด้านท้ายได้รับการออกแบบใหม่ให้ดูปราดเปรียว และโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อน ไฟท้ายแบบ 3 มิติ three-dimensional LEDคาดยาวตลอดแนวตัวถังบ่งบอกถึงบุคลิกความเป็นรถยนต์ปอร์เช่ยุคใหม่อย่างชัดเจนส่วนงานผลิตตัวถังภายในโรงงานไลป์ซิกถูกสร้างขึ้นเพิ่มเติม เพื่อเป็นพื้นที่เฉพาะสำหรับการผลิตชิ้นส่วนตัวถังด้านท้ายรถนอกจากนี้ในอีกหลายส่วนงานของสายการผลิตและประกอบ ล้วนแล้วแต่ได้รับการปรับปรุงและพัฒนาขึ้นเพื่อยกระดับความสมบูรณ์แบบรวมถึงประสิทธิภาพในการผลิตยนตรกรรม สปอร์ต compact SUVทั้งหมดนี้คือสิ่งที่สามารถรับประกันได้ว่า ปอร์เช่...
นวัตกรรมรถใหม่ต่างประเทศไลฟสไตล์

ฟอร์ดพรีเซลล์ สปอร์ต มัสแตง เคาะเริ่มที่ 3.599 ล้านบาท

ฟอร์ดสยบข่าวลือประกอบในไทย  นำเข้าฟอร์ด มัสแตง จากอเมริกาเจาะตลาดไทยในเดือนตุลาคม  เคาะราคาเริ่มต้นที่ 3.599 ล้านบาท เปิดให้ลูกค้าสั่งจองรถล่วงหน้าได้ที่ผู้จำหน่ายฟอร์ด มัสแตง อย่างเป็นทางการ 19 แห่งทั่วประเทศ ด้วยดีไซน์ที่ปราดเปรียวและโฉบเฉี่ยวกว่าที่เคย รวมถึงไฟหน้าและไฟท้ายแบบ Full-LED ฟอร์ด มัสแตง มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ V8 ขนาด 5.0 ลิตรและเครื่องยนต์ EcoBoost ขนาด 2.3 ลิตร รวมถึงเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด และเทคโนโลยีเหนือระดับอย่างโหมดแอพพลิเคชัน Track AppsTM ที่ให้ผู้ขับขี่เปิดประสบการณ์การขับขี่แบบในสนามแข่ง พร้อมเทคโนโลยีเหนือระดับอย่างระบบ SYNC 3 บนแผงหน้าปัดแสดงผลดิจิตอล LCD ขนาด 12 นิ้ว ฟอร์ด มัสแตง รุ่น GT และ EcoBoost มาพร้อมชุดแต่ง Performance Pack ที่ให้เฟืองท้ายแบบ Limited-Slip ให้การขับขี่ในโค้งสนุกสนานขึ้น และล้ออัลลอยสีดำขนาด 19 นิ้วในทั้งสองรุ่น รวมถึงระบบเบรค Brembo ในรุ่น GT และฟีเจอร์เสริมอีกมากมาย ที่เข้ากับเอกลักษณ์ในการขับขี่ที่สนุกสนาน และยังคงตำนานอันโดดเด่นกว่า 50 ปี ในแบบฉบับของฟอร์ด มัสแตง ได้เป็นอย่างดี ฟอร์ด มัสแตง มีจำหน่าย สองรุ่น ราคาจำหน่ายช่วงเปิดตัว  ฟอร์ด มัสแตง 5.0 L V8 GT Coupe Performance Pack  ราคา 4.799 ล้านบาท   ส่วน ฟอร์ด มัสแตง 2.3 L...
รถยนต์ต่างประเทศรถใหม่ต่างประเทศ

ปอร์เช่ คืนชีพ 911ด้วยอะไหล่แท้ดั้งเดิมทุกชิ้น

“Project Gold” –ยนตรกรรมสุดคลาสสิกสุดหายาก ปอร์เช่ 911 (Porsche 911) พร้อมแล้วสำหรับการประมูลPorsche Classic คืนชีพรถสปอร์ต911รุ่นคลาสลิกจากอะไหล่แท้ดั้งเดิมทุกชิ้น แผนก Porsche Classic ได้ปลุกตำนานยนตรกรรมล้ำค่าที่นักสะสมรถยนต์ทุกคนล้วนปรารถนาจะได้ครอบครองไว้ในคอลเลคชัน:ปอร์เช่ 911 เทอร์โบ(Porsche 911 Turbo) รุ่นสุดท้ายที่ได้รับการติดตั้งเครื่องยนต์ระบายความร้อนด้วยอากาศ หรือ air-cooled engine–นับเป็นระยะเวลากว่า 20 ปี หลังการยุติสายการผลิตของรถสปอร์ตในตำนานรุ่นดังกล่าว ทั้งนี้งานออกแบบตัวถังภายนอกของปอร์เช่ 911 เทอร์โบ (Porsche 911 Turbo) ในรหัส 993 นั้นมีพื้นฐานมาจากรุ่นปกติ และรูปทรงอมตะของรถคันนี้ยังคงเปี่ยมเอกลักษณ์ ตัวถังภายนอกโดดเด่นด้วยสี Golden Yellow Metallicซึ่งเป็นสีแบบเดียวกับปอร์เช่ 911 เทอร์โบ เอส เอ็กซ์คลูซีฟ ซีรีส์ (Porsche 911 Turbo SExclusive Series) รุ่นปี2018ล้ออัลลอยสีดำตัดขอบเน้นด้วย Golden Yellow เพิ่มความคมเข้ม ขณะที่ภายในห้องโดยสาร เบาะนั่งและชิ้นส่วนต่างๆ ล้วนได้รับการตกแต่งด้วยสีดำและGolden Yellow ในทุกๆรายละเอียดเช่นเดียวกันสำหรับชุดแต่งตัวถังภายนอกถูกเพิ่มเติมความโฉบเฉี่ยวและเสริมความสปอร์ตเหนือระดับด้วยช่องดักอากาศด้านข้าง ซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรุ่น 993 เทอร์โบ เอส(993 Turbo S) และเป็นอุปกรณ์พิเศษสำหรับปอร์เช่ 911 เทอร์โบ (Porsche 911 Turbo) รุ่นปี 1998ด้วยพละกำลังมหาศาลกว่า 450 แรงม้า ยนตรกรรมสปอร์ตสุดคลาสสิกคันนี้กำลังจะได้รับโอกาสร่วมลงสนามLaguna Seca(ประเทศสหรัฐอเมริกา) เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบการเปิดตัวครั้งแรกของโลกระหว่างมหกรรมความเร็วสุดยิ่งใหญ่Porsche Rennsport Reunionในวันที่ 27 กันยายน 2018นี้สมบัติล้ำค่าของนักสะสมรถยนต์ชิ้นนี้จะถูกจำกัดให้วิ่งบนสนามแข่งเท่านั้น หลังจากนั้นรถคันนี้จะถูกนำออกประมูลโดย RM Sotheby’s ณPorsche Experience Centerเมือง Atlanta ในวันที่...
นวัตกรรมรถใหม่ต่างประเทศ

นิสสันจับมืออิตัลดีไซน์  อวดโฉม จีที-อาร์ อัลตร้า-ลิมิเต็ด

จีที-อาร์ (GT- R) อัลตร้า-ลิมิเต็ด รถต้นแบบสร้างบนพื้นฐานของนิสสัน จีที-อาร์ นิสโม รุ่นปี 2018 รถรุ่นสุดเพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 50 ปีของทั้งจีที-อาร์ และ อิตัลดีไซน์ และพร้อมเผยโฉมเป็นครั้งแรกเดือนสิงหาคมนี้ที่ยุโรป "หลายๆ ครั้งที่มีคำถามว่าถ้าเราสร้าง GT-R โดยไม่มีข้อจำกัด และจะสร้างมันขึ้นมาจริงๆ มันจะออกมาเป็นยังไง" นาย อัลฟอนโซ อัลไบซา รองประธานอาวุโสฝ่ายออกแบบของนิสสัน  กล่าว "นี่ยังเป็นเวลาที่หาได้ยากมากๆ เมื่อช่วงเวลาที่สำคัญ ทั้งสองช่วงจะมาบรรจบกัน ไม่ว่าจะเป็น วาระ 50 ปี ของอิตัลดีไซน์ หนึ่งในผู้สรรค์สร้างโลกยานยนต์ และ วาระ 50 ปีของ จีที-อาร์ รถยนต์ที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของนิสสันที่สร้างความตื่นเต้นให้กับโลก ดังนั้นเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองวาระที่สำคัญทั้งสองนี้ นิสสัน และ อิตัลดีไซน์ จึงสร้างสรรค์ จีที-อาร์ รุ่นพิเศษ เพื่อฉลองการครบรอบ 50 ปีในการเป็นผู้นำด้านวิศวกรรมนี้" อิตัลดีไซน์ รับหน้าที่ในการพัฒนา งานวิศวกรรม และการสร้างสรรค์รถ ขณะที่การออกแบบภายนอกและภายในอันโดดเด่นได้รับการสร้างสรรค์จากทีมงานที่ หน่วยงานออกแบบของนิสสันของยุโรป ในกรุงลอนดอน และ หน่วยงานออกแบบของนิสสันในสหรัฐอเมริกา การออกแบบเริ่มต้นที่บริเวณส่วนหน้า นิสสัน จีที-อาร์50 โดย อิตัลดีไซน์ มีส่วนประกอบที่ใช้สีทองตกแต่งซึ่งทอดยาวเกือบเต็มในส่วนความกว้างของตัวรถ ฝากระโปรงมีความโดดเด่นชัดเจนมากขึ้น พร้อมไฟหน้า LED รูปทรงเพรียงบาง ลากยาวจากแนวล้อหน้าไปจนถึงริมแผงหน้าที่เป็นช่องระบายความร้อน ขณะที่ด้านข้าง แนวเส้นหลังคา (roofline) ได้ปรับลดลง 54 มิลลิเมตรเสริมให้มีความโดดเด่นมากขึ้น พร้อมลดความสูงในส่วนตรงกลาง ขณะที่ส่วนนอกปรับยกขึ้นเพื่อให้ความแข็งแกร่งของหลังคา นอกจากนี้ช่องระบายความร้อนด้านหลังล้อ ทรง "ดาบซามูไร" อันเป็นสัญลักษณ์ จีที-อาร์ ถูกเสริมความโดดเด่นขึ้นด้วยการใช้แผ่นสีทอง และขยายจากด้านล่างของประตูไปที่เส้นข้างของตัวรถ (Shoulder line) ส่วนด้านหลังของตัวรถ ถูกไฮไลต์ด้วยการเสริมความกว้าง...
นวัตกรรมรถยนต์ต่างประเทศรถใหม่ต่างประเทศออโตโชว์

 นิสสันนำเทคโนโลยี B2Vและนิสสัน ลีฟร่วมงาน CES

สำหรับไฮไลท์ภายในงานของบูธนิสสัน ได้แก่ เทคโนโลยี B2V(Brain to Vehicle) ล่าสุด ที่เปรียบเสมือนผู้ช่วยในการขับขี่ โดยเทคโลยี B2V นี้สามารถอ่านสัญญาณจากคลื่นสมองและสามารถเรียนรู้จากผู้ขับ เพื่อช่วยสร้างปฏิกิริยาตอบสนองในการขับขี่ที่รวดเร็วขึ้น รวมถึงช่วยเพิ่มสุนทรียภาพของการขับขี่ นอกจากนี้ นิสสันยังยกทัพรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ได้แก่ รถยนต์ต้นแบบ IMx และรถยนต์นิสสัน ลีฟ (LEAF) รุ่นใหม่ มาจัดแสดงภายในงาน  รถยนต์ต้นแบบ IMx ซึ่งเปิดตัวในระดับภูมิภาคเป็นครั้งแรก เป็นรถยนต์ 4 ที่นั่งที่โดดเด่นในด้านการเชื่อมต่อระหว่างรถยนต์และผู้ขับขี่ มาพร้อมเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติแบบเต็มรูปแบบ และระบบส่งกำลังไฟฟ้าที่ให้แรงบิดสูงกว่า รถยนต์สปอร์ต อย่าง นิสสัน จีที-อาร์ (GT-R) รถยนต์ นิสสัน ลีฟ รุ่น ใหม่ล่าสุดถือเป็นรถยนต์ที่มียอดขายดีที่สุดในโลก ผสมผสานความเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% กับเทคโนโลยีขั้นสูง อันได้แก่ ระบบขับขี่อัตโนมัติ ProPILOT และการทำงานอันเรียบง่ายของระบบ e-Pedal รวมไปถึงมีการเชื่อมต่อที่ดีระหว่างผู้ใช้ รถยนต์ และ สังคมที่ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ รถยนต์นิสสัน ลีฟซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของแนวคิดนิสสัน อินเทลลิ้เจนท์ โมบิลิตี้ได้เริ่มวางจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่เดือนตุลาคม 2560 ที่ผ่านมา...
นวัตกรรมรถยนต์ต่างประเทศรถใหม่ต่างประเทศ

นิสสัน โน๊ต e-POWER

นิสสัน มอเตอร์ ประกาศความสำเร็จที่ก้าวล้ำหน้าไปอีกขั้นบนพื้นฐานแนวคิด “การขับเคลื่อนอัจฉริยะ หรือ Nissan Intelligent Mobility” ด้วยการเปิดตัวเทคโนโลยีขุมพลังแบบใหม่ล่าสุดในชื่อ อี-เพาเวอร์ (e-POWER)ซึ่งใช้ในนิสสัน โน๊ต(NOTE )ใหม่ ขุมพลัง อี-เพาเวอร์ (e-POWER) เป็นการประยุกต์จากแนวคิดของเทคโนโลยีขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าที่มีอยู่ในนิสสัน ลีฟ (Nissan LEAF) ที่ประสบความสำเร็จในด้านยอดขายและได้รับการยอมรับจากผู้ใช้งานมาแล้วทั่วโลก โดยในระบบใหม่นี้มีการติดตั้งเครื่องยนต์สันดาปภายในขนาดเล็กเพิ่มเติมเพื่อทำหน้าที่เป็นเครื่องปั่นไฟฟ้าพลังงานสูง เพื่อสร้างกระแสไฟฟ้าชาร์จเข้ามาเก็บในแบตเตอรี ลดการพึ่งพาพลังงานไฟฟ้าจากภายนอก แต่ยังให้พลังงานไฟฟ้าในขนาดใกล้เคียงกัน ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าอัจฉริยะ อี-เพาเวอร์ ประกอบด้วยเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง, เครื่องกำเนิดไฟฟ้า (Generator), อินเวอร์เตอร์ (Inverter), และ มอเตอร์ไฟฟ้า โดยรถยนต์จะถูกขับเคลื่อนด้วยกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าเท่านั้น ซึ่งกระแสไฟฟ้าที่ถูกส่งมาให้กับมอเตอร์ไฟฟ้านั้น จะถูกเก็บอยู่ในแบตเตอรี่กำลังสูง โดยที่มีเครื่องยนต์สันดาปภายในขนาดกะทัดรัดในทำหน้าที่ในการสร้างกระแสไฟฟ้าเข้ามาเก็บอยู่ตลอดเวลาเพื่อชดเชยกระแสไฟฟ้าที่ถูกใช้งานไป ด้วยแนวคิดและการออกแบบที่ล้ำหน้าของทีมวิจัยและพัฒนาของนิสสัน ภายใต้ ระบบอี-เพาเวอร์ เครื่องยนต์สันดาปภายในจะไม่เชื่อมต่อเข้ากับชุดส่งกำลังหรือเกียร์โดยตรง แต่จะทำงานร่วมกับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเพื่อสร้างกระแสไฟฟ้าและชาร์จเข้ามาเก็บในแบตเตอรี ก่อนที่กระแสไฟฟ้านี้จะถูกส่งไปสู่มอเตอร์ไฟฟ้าในการสร้างกำลังเพื่อใช้ในการขับเคลื่อนตัวรถ ระบบ อี-เพาเวอร์ มีความโดดเด่นกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับระบบไฮบริดแบบดั้งเดิม ซึ่งมีมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็กเชื่อมต่อเข้ากับเครื่องยนต์สันดาปภายในเพื่อขับเคลื่อนผ่านระบบส่งกำลัง เพราะในระบบไฮบริดทั่วไปมอเตอร์ไฟฟ้าจะไม่ทำงานในภาวะที่แบตเตอรีมีกำลังไฟฟ้าต่ำหรือขณะอยู่ในย่านความเร็วสูง และขณะเดียวกัน ระบบ อี-เพาเวอร์ยังแตกต่างกับรถยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับพลังงานไฟฟ้ามาจากชาร์จแบตเตอรีเพียงอย่างเดียวอีกด้วย โดยทั่วไป โครงสร้างของระบบรถยนต์ไฟฟ้าแบบ นิสสัน ลีฟจำเป็นต้องมีมอเตอร์และแบตเตอรีขนาดใหญ่เป็นแหล่งกำลังหลักในการขับเคลื่อน ซึ่งยากต่อการนำระบบไปประยุกต์ให้เข้ากับรถยนต์แบบคอมแพ็กต์ทั่วไปได้ แต่ทีมวิศวกรของนิสสันสามารถค้นพบวิธีการที่ลดได้ทั้งขนาดและน้ำหนักไปจนถึงพัฒนาวิธีการควบคุมมอเตอร์และจัดการพลังงานไฟฟ้าที่เกิดขึ้น ซึ่งผลที่ได้ทำให้ขุมพลัง อี-เพาเวอร์ มีแบตเตอรีที่มีขนาดย่อมกว่านิสสัน ลีฟ แต่สามารถให้ความรู้สึกในการขับขี่เช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้า ขุมพลังแบบ อี-เพาเวอร์ (e-POWER) ให้แรงบิดมหาศาลในทันทีและคงที่ตลอดเวลาทำให้มีอัตราเร่งที่รวดเร็วแต่นุ่มนวล นอกจากนี้ยังมีความเงียบในระหว่างการขับเคลื่อนเช่นเดียวกับนิสสัน ลีฟที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% โดยในระบบ อี-เพาเวอร์ เครื่องยนต์สันดาปภายในจะไม่ได้ทำหน้าที่ขับเคลื่อนตัวรถ จึงทำให้มีอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงต่ำกว่าเมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ในรถยนต์ไฮบริดทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้งานในเมือง ซึ่งเทคโนโลยีสุดล้ำนี้ยังให้ผู้ขับขี่ได้รับประโยชน์เฉกเช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี (Battery Electric Vehicle – BEV) แต่สามารถลดความวิตกกังวลเมื่อต้องหาสถานีชาร์จไฟฟ้าได้อีกด้วย...
1 2 3
Page 2 of 3