นายมิจิโนบุ ซึงาตะ เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่นและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า ครึ่งปีแรก ตลาดรถยนต์โดยรวมมียอดขาย 489,118 คันเพิ่มขึ้น 19.3 % แบ่งออกเป็นรถยนต์นั่ง 190,310 คันเพิ่มขึ้น 17.9% และรถเพื่อการพาณิชย์ 298,808 คัน เพิ่มขึ้น 20.2% เนื่องจากภาครัฐใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนเมกะโปรเจ็กต์ภายในประเทศ โดยในจำนวนนี้ เป็นยอดขายรถโตโยต้า 141,989 คัน เพิ่มขึ้น26.2% ส่วนแบ่งตลาด 29 % แบ่งออกเป็นรถยนต์นั่ง 53,512 คัน เพิ่มขึ้น 18.5 % ส่วนแบ่งตลาด 28.1 % และรถเพื่อการพาณิชย์ 88,477 คัน เพิ่มขึ้น31.4 % ส่วนแบ่งตลาด 29.6 % 
ส่วนตลาดรวมของปี 2561 คาดว่า ตลาดรถยนต์โดยรวมมียอดขาย 980,000 คันเพิ่มขึ้น 12.4 % แบ่งออกเป็นรถยนต์นั่ง 381,000 คันเพิ่มขึ้น 10% และรถเพื่อการพาณิชย์ 599,000 คัน เพิ่มขึ้น 14 % โดยในจำนวนนี้ เป็นยอดขายรถโตโยต้า 315,000 คัน เพิ่มขึ้น31.2 % ส่วนแบ่งตลาด 32.1 % แบ่งออกเป็นรถยนต์นั่ง 116,000 คัน เพิ่มขึ้น 20.1 % ส่วนแบ่งตลาด 30.4 % และรถเพื่อการพาณิชย์ 199,000 คัน เพิ่มขึ้น38.6 % ส่วนแบ่งตลาด 38.2 %
นายซึงาตะ กล่าวว่า “สำหรับยอดขายโตโยต้าในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 141,989 คัน เพิ่มขึ้น 26.2% มีปัจจัยหลักมาจากกระแสการตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่อง จากการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาจนถึงต้นปีนี้ อาทิเช่น Yaris, Yaris ATIV, Hilux Revo ROCCO และ C-HR
สำหรับการส่งออกในครึ่งปีแรก โตโยต้าได้ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปจำนวน 145,080 คัน เพิ่มขึ้น 7% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แม้ว่าสถานการณ์การส่งออกในตลาดตะวันออกกลางมีการปรับลดลง ขณะเดียวกันการส่งออกไปยังตลาดเอเชียและโอเชียเนียมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ประเทศญี่ปุ่นและออสเตรเลีย ซึ่งเราได้เริ่มต้นทำการส่งออกรถกระบะไฮลักซ์ไปยังประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าญี่ปุ่น จนทำให้มียอดส่งออกสะสมจนถึงมิถุนายนปีนี้ รวมแล้วทั้งสิ้น 5,400 คัน ทั้งนี้ในครึ่งปีแรกการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปคิดเป็นมูลค่า 74,250 ล้านบาท และมีการส่งออกชิ้นส่วนมูลค่า 29,875 ล้านบาท รวมมูลค่าการส่งออกที่ 104,125 ล้านบาท และในส่วนของเป้าหมายการส่งออกในปี 2561 นั้น เราคาดการณ์ว่าปริมาณการส่งออกของโตโยต้ายังคงอยู่ที่ 300,000 คัน ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับปีที่ผ่านมา”
นายซึงาตะ กล่าวต่อไปว่า “จากการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยที่เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าGDP จะเติบโตอยู่ที่ 4.4% ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนจากการส่งออกและการท่องเที่ยวที่ขยายตัวอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจากภาครัฐ และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ที่หลากหลาย รวมทั้งกิจกรรมส่งเสริมการตลาดต่างๆ จากค่ายรถยนต์ถือเป็นปัจจัยหลักในการกระตุ้นตลาดรถยนต์ โดยคาดการณ์ว่าตลาดรถยนต์โดยรวมในประเทศปี 2561 จะปรับจาก 900,000 คัน เป็น 980,000 คัน เพิ่มขึ้น 12.4% จากปีที่แล้ว”
