ข้อตกลงดังกล่าวครอบคลุมการสร้างที่ทำการสำนักงานใหญ่ของไอออนประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยจะเป็นบริษัทลูกของไอออนในประเทศไทยที่ทำงานอย่างใกล้ชิดกับตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ระดับท็อปของไทยเพื่อจัดส่งรถยนต์ป้อนตลาดไทย
ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตและผู้ส่งออกรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคนี้ โดยอุตสาหกรรมรถไฟฟ้าได้รับประโยชน์จากนโยบายส่งเสริมของรัฐบาล เช่น การลดภาษีและค่าธรรมเนียม การอุดหนุนเป็นเงินสดให้แก่ผู้บริโภค และการสนับสนุนด้านการลงทุน ปัจจัยเหล่านี้ล้วนทำให้ประเทศไทยมีความน่าสนใจทั้งในด้านการมาลงทุนและการเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่
สำนักงานใหญ่แห่งนี้จะทำหน้าที่เป็นฐานบัญชาการธุรกิจของไอออนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยจะมีจุดติดต่อในพื้นที่พร้อมกับอุปกรณ์ครบครัน และมีบทบาทสนับสนุนหลักสำหรับการขยายตัวต่อไป
ในฐานะที่เป็นยานยนต์พลังงานใหม่อัจฉริยะโมเดลหลักของจีเอซี กรุ๊ป (GAC Group) ภายในระยะเวลาเพียง 5 ปี ไอออนสร้างอัตราการเติบโตแบบทบต้นโดยเฉลี่ยต่อปีได้เกิน 120% โดยในปี 2565 ทำยอดจำหน่ายได้สูงถึง 271,200 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้านั้นถึง 126% สร้างรายได้ทั้งปีอยู่ที่ 3.87 หมื่นล้านหยวน (5.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)
จนถึงขณะนี้ ไอออนสร้างยานยนต์อัจฉริยะที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวระดับเวิลด์คลาสแล้วทั้งหมด 6 รุ่น ซึ่งรวมทั้งไอออน เอส (S), วี (V) และวาย (Y) ทุกรุ่นมียอดจำหน่ายอยู่ในสามอันดับแรกของโลกสำหรับรถระดับเดียวกัน สำหรับรถรุ่นไอออน แอลเอ็กซ์ (LX) นั้นทลายเพดานจำกัดของอุตสาหกรรมรถยนต์หลายอย่าง โดยใช้แบตเตอรี่รถไฟฟ้าระดับเวิลด์คลาสที่มีช่วงการทำงานถึง 1,008 กิโลเมตร ในขณะที่รถไอออน ไฮเปอร์ เอสเอสอาร์ (Hyper SSR) ประสบความสำเร็จในการเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้อย่างเหลือเชื่อภายในเวลาเพียง 1.9 วินาที เฉือนชนะรถรุ่นโร้ดสเตอร์ (Roadster) ของเทสลา (Tesla) ไปแบบสูสี
จีเอซี ไอออน ตั้งอนาคตไว้ว่าจะเป็นแบรนด์ระดับโลก และพร้อมแล้วที่จะประสบความสำเร็จในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และในประเทศอื่น ๆ