วินาทีนี้ เรื่องเทคโนโลยีและนวัตกรรมสุดล้ำ ต้องยกให้กับ “สาธารณรัฐประชาชนจีน” ที่กำลังเร่งสรรพกำลังผลักดัน สู่เป้าหมายสำคัญในการเป็น “ประเทศนวัตกรรม” และอีกหนึ่งวงการที่ทั้งโลกจับตามอง นั่นก็คือ วงการยานยนต์ ซึ่งเรา จะเห็นโมเดลใหม่ๆ รูปทรงล้ำสมัย รวมทั้งระบบอัจฉริยะที่มุ่งตอบสนองผู้ขับขี่ รวมทั้งยานยนต์พลังงานทางเลือกใหม่ๆ และหนึ่งในองค์กรที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ระดับโลก นั้นคือ SAIC Motor Corporation ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเอ็มจี ในประเทศไทย ที่ดำเนินธุรกิจภายใต้ความมุ่งมั่นในการพัฒนารถยนต์ภายใต้ 4 แกนหลัก อันได้แก่ การพัฒนารถยนต์ให้มีการเชื่อมต่ออัจฉริยะมากยิ่งขึ้น (Intelligence connectivity) เป็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (Electrification) มีการแบ่งปันรถยนต์ในการใช้งานร่วมกัน (Car Sharing) และความเป็นสากล (Globalization)
ปัจจุบัน SAIC ดำเนินธุรกิจในกว่า 60 ประเทศทั่วโลก โดยนอกเหนือจากฐานการผลิตหลักในประเทศแล้ว SAIC ยังขยายฐานการผลิตไปใน 3 ประเทศได้แก่ ประเทศไทย อินโดนีเซีย และอินเดีย พร้อมการทำการตลาดและการบริการใน 11 ภูมิภาคครบคลุมทั้ง อาเซียน ยุโรป อเมริกาใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ นอกจากนี้ยังมีศูนย์วิจัยและพัฒนา 3 แห่ง ทั้งใน จีน อังกฤษ และอเมริกา และถือเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายเดียวในประเทศจีนที่มีรถยนต์ซึ่งขับเคลื่อนด้วย 3 พลังงานทางเลือกทั้งรถยนต์พลังงานไฟฟ้า100% (EV) รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) และ รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell) โดยในปีที่ผ่านมา SAIC มียอดขายรถยนต์ในประเทศและต่างประเทศกว่า 7.05 ล้านคัน
สำหรับงาน “Auto Shanghai 2019 – The 18th International Automobile Industry Exhibition” หรือที่คนไทยรู้จักกัน ในชื่องาน “เซี่ยงไฮ้ ออโต้โชว์” ซึ่งจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ณ National Exhibition and Convention Center ในนครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา นับเป็นงานที่ขับเคลื่อนวงการยานยนต์ระดับโลกที่รวบรวมยักษ์ใหญ่ ในอุตสาหกรรมยานยนต์ มาร่วมจัดแสดงนวัตกรรม รถยนต์ต้นแบบและรถยนต์รุ่นใหม่ของแบรนด์ต่างๆ อย่างมากมาย ซึ่งในปีนี้ SAIC Motor Corporation ได้เปิดตัวรถรุ่นใหม่ และรถต้นแบบเพื่อโชว์ความล้ำหน้าทางยนตรกรรมภายใต้เครือของบริษัทหลากหลายรุ่นครอบคลุมทั้งรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมัน รถยนต์พลังงานไฟฟ้า100% (EV) รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) และรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell) รวมทั้งยานยนต์แห่งอนาคตกับรถต้นแบบที่รองรับการสื่อสาร 5G ซึ่งที่ผ่านมา SAIC ได้ร่วมมือกับ China Mobile, Huawei และ Shanghai International Auto City เพื่อสร้างเครือข่าย 5G Smart Transportation Demonstration Zone อาณาเขตสำหรับทดลองระบบขับเคลื่อนยานยนต์อัตโนมัติ ที่รถทุกคันสื่อสารกันด้วยเทคโนโลยี 5G
เริ่มที่รถยนต์ต้นแบบ 5G zero-screen smart cockpit “Roewe Vision-I” รถยนต์ SPV (Special Purpose Vehicle) อัจฉริยะรุ่นแรกของโลก ที่จุดประกายยานยนต์แห่งอนาคตด้วยเทคโนโลยี 5G
นอกจากนี้ ยังมีโรวี มาร์เวล เอ็กซ์ (Roewe Marvel X) นวัตกรรมที่ขับเคลื่อนไฟฟ้าที่มาพร้อมความหรูหราเหนือระดับ ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลัง 301 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 665 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เพียง 4.8 วินาที วิ่งได้นานถึง 500 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง ในส่วนของการดีไซน์นั้น ถูกออกแบบสไตล์สากล ให้ความรู้สึกเดียวกับรถยุโรปที่เป็นดีเอ็นเอของแบรนด์โรวี พร้อมนวัตกรรม 5G ที่สามารถเชื่อมต่อกับทุกอย่าง ผ่านคอนโซลกลาง รวมถึงสั่งการทางไกลผ่านบลูทูธ คาร์เพล ผ่านแอพพลิเคชั่นบนมือถือ รถต้นแบบแห่งอนาคตอีกคันคือ MAXUS G20FC ขับเคลื่อนด้วยเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนที่ให้ทั้งสมรรถนะและความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมโดยให้พละกำลังสูงสุดที่ 150 kW และวิ่งได้ไกลถึง 550 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง และใช้เวลาในการชาร์จเพียง 5 นาทีเท่านั้น
รถยนต์ที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในงานนี้เห็นจะเป็น ‘MG EZS’ รถพลังงานไฟฟ้า Pure EV รุ่นแรกของเอ็มจี ที่เข้าทำการตลาดในต่างประเทศ ทั้ง อังกฤษ เยอรมนี และอีกหลายประเทศทั่วโลก และคาดว่าจะแนะนำสู่ตลาดเมืองไทยภายในกลางปีนี้ โดยขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ทำให้สามารถเร่งจาก 0-50 กม./ชม. ได้ภายในเวลา 3.1 วินาที และ 0-100 กม./ชม. ประมาณ 8-9 วินาที วิ่งได้ระยะทางไกลสูงสุด 335 กม. ตามมาตรฐาน NEDC ต่อการชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง (และ 428 กม. เมื่อวิ่งที่ความเร็วเฉลี่ยไม่เกิน 60 กม./ชม.) และรองรับ Fast Charging ซึ่งชาร์จไฟจาก 0-80% ได้ในครึ่งชั่วโมง
ส่วน MG HS รถ C-Segment Crossover SUV รุ่นใหม่ ที่ถูกออกแบบใหม่ทั้งหมดทั้งภายนอกและภายในให้มีรูปลักษณ์และสไตล์แบบสปอร์ต โฉบเฉี่ยวด้วยเส้นสายด้านข้างทำให้ตัวรถมีมิติ นอกจากนี้ ยังมีกระจังหน้าแบบใหม่ที่ดูเท่ สะท้อนความพรีเมี่ยม ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 169 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร และเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 231 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร
SAIC ยังได้นำรถกระบะMAXUS T70 มาจัดแสดงในรูปลักษณ์ที่ดุดัน โดดเด่น ด้วยดีไซน์ของกระจังหน้าโครเมี่ยม มาพร้อมเครื่องยนต์ใหม่ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร ที่ให้เลือกความแรงได้ 2 ทาง กับ 2.0 ลิตร เทอร์โบเดี่ยว 163 แรงม้าที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิด 375 นิวตันเมตร ที่ 1,500-2,400 รอบ/นาที และ 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ 218 แรงม้าที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิด 480 นิวตันเมตรที่ 1,500-2,400 รอบ/นาที ระบบส่งกำลังแบบเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด เลือกได้ทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และขับเคลื่อน 4 ล้อ Part-Timeระบบส่งกำลังแบบเกียร์ธรรมดา