บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย ได้เปิดตัวรถกระบะรุ่นแรกของเอ็มจี “NEW MG EXTENDER กระบะพันธุ์ยักษ์ ให้มากกว่าความแกร่ง” อย่างเป็นทางการสู่ตลาดเมืองไทย เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับลูกค้า โดยมีราคา เริ่มต้นที่ 5.49 แสนบาท สำหรับกระบะตอนครึ่ง จนถึงรุ่นท็อปดับเบิลแค็บ เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดขับเคลื่อน4 ล้อ ราคา 1.029 ล้านบาท
ก่อนหน้านี้ ทีมงาน buzzbiz24.com ได้พรีวิว NEW MG EXTENDER ด้วยการขับทดสอบในสนามจำลองในระยะเวลาสั้นๆมาก่อนหน้านี้ ล่าสุด บริษัท เอ็มจี เซลส์(ประเทศไทย)จำกัด จัดการทดสอบเป็นระยะทางไกลตามเส้นทางต่างๆทั่วประเทศ เพื่อให้สื่อมวลชนได้ทดสอบการใช้งานมากถนนจริง ที่มีการใช้งานร่วมกับรถยนต์คันอื่นๆ
รถที่ ทีมงาน buzzbiz24.com ได้ไปทดสอบครั้งนี้เป็น MG EXTENDER ดับเบิลแค็บ 4WD X 6AT หรือรุ่นท็อปสุด รูปโฉมของ MG EXTENDER หล่อเหลาเอาการ ดูบึกบึน โดดเด่นด้วยกระจังหน้าแบบโมเดิร์นดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ของเอ็มจี พร้อมมิติตัวถังขนาดใหญ่ ในขณะที่ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ (Projector) พร้อม Daytime Running Lights บันไดข้าง และกล้องมองหลังพร้อมเซนเซอร์ขณะถอย ติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานตั้งแต่ในรุ่น Giant Cab แบบยกสูง
MG EXTENDER ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล ไดเร็คอินเจ็คชั่น 2.0 ลิตร เทอร์โบ แปรผัน ให้กำลังสูงสุด 161 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที บางครั้งเผลอกดคันเร่งเพลินไปหน่อย ความเร็วขึ้นมาถึง 150-160 กม./ชม.ช่วงเร่งแซงรถคันหน้าก็ทำได้อย่างสบายๆ แรงบิดจัดๆ 375 นิวตันเมตรที่รอบเครื่องต่ำแค่ 1,500 รอบ/นาที ไปจนถึง 2,400 รอบ/นาที ระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมโหมดแมนนวล สับเปลี่ยนเกียร์ตามความเร็วที่สูงขึ้นได้อย่างไหลลื่น แต่คนที่ใจร้อนอาจรู้สึกว่ามันหน่วงๆไปนิดๆ เช่นเดียวกับการใช้โหมดแมนนวลเพื่อชะลอหรือเพิ่มความเร็ว อย่างไรก็ตาม ผู้ขับขี่สามารถปรับรูปแบบการขับขี่ได้ทั้ง ECO และ POWER เพื่อตอบสนองทุกการใช้งาน อยากขับแบบประหยัดก็ได้ หรืออยากได้กำลังของเครื่องยนต์ให้ตอบสนองทันทันใจก็ได้ โดยในรุ่น Double Cab จะมีให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ (2WD) และขับเคลื่อน 4 ล้อ (4WD) ซึ่งมีโหมดการขับขี่ให้เหมาะกับสภาพถนน 3 รูปแบบ คือ 2H, 4H และ 4L
เส้นทางการทดสอบเป็นทางหลวงที่มีพื้นผิวชำรุดเป็นบางช่วง ประกบฝนตกตลอดทั้งวัน แต่ช่วงล่างแบบ EUROPEAN TUNING SUSPENSION ระบบกันสะเทือนด้านหน้าอิสระปีกนกคู่ (Double Wishbone) ด้านหลังแหนบแบบซ้อนแผ่น (Leaf Spring Suspension) ทำงานควบคู่กับช่วงล่างแบบ BRIT Dynamic ซึ่งให้ความนุ่มนวลในการขับขี่ในความเร็วต่ำ และให้ความมั่นคงในการขับขี่ที่ความเร็วสูง เพิ่มความปลอดภัยและมั่นใจในการใช้งาน
หันกลับมามองภายในห้องโดยสาร MG EXTENDER DC 2.0 GRAND 4WD X 6AT ให้ความรู้สึก กว้างขวางสะดวกสบาย และเก็บเสียงได้ดี ด้วยการออกแบบฉนวนกันเสียง 9 จุด การออกแบบภายในสร้างความรู้สึกมั่นใจในความแข็งแกร่ง สอดคล้องกับรูปลักษณ์ภายนอก โดยภายในตกแต่งด้วยโทนสีเข้มและเพิ่มความเรียบหรูด้วยวัสดุที่ให้สัมผัสนุ่ม (SOFT TOUCH) พร้อมแผงหน้าปัดดีไซน์สปอร์ต นอกจากนี้ ยังมาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น หน้าจอสีระบบสัมผัสขนาดใหญ่ 10 นิ้ว กุญแจระบบ Smart Key พร้อมปุ่ม Push Start และระบบปรับอากาศอัตโนมัติ โดยในรุ่น Double Cab ยังมาพร้อมเบาะปรับไฟฟ้าคู่หน้า เบาะหลังพับได้ และช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง นั่งสบายและผ่อนคลายทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร เหมือนไม่ได้อยุ่ในรถกรบะ แต่อยู่ในรถ SUV ชั้นดี
NEW MG EXTENDER มาพร้อมระบบปฏิบัติการ i–SMART เอกสิทธิ์เฉพาะสำหรับผู้ใช้รถยนต์เอ็มจี ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่กับรถสามารถเชื่อมต่อกันได้ เพื่อความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การสั่งการ หรือ SMART Command ผ่านระบบสั่งการด้วยเสียงภาษาไทย ที่สามารถสั่งการให้โทรออก เปิด-ปิดหรือควบคุมระบบปรับอากาศ หน้าต่างฝั่งคนขับ ตลอดจนวิทยุภายในรถ รวมทั้งค้นหาจุดสนใจ นอกจากนี้ยังสามารถควบคุมหรือสั่งการระบบต่างๆ ผ่านหน้าจอทัชสกรีนภายในรถ หรือเลือกสั่งการบนสมาร์ทโฟนผ่าน MG Mobile Application การเชื่อมต่อ หรือ SMART Connect ที่สามารถเลือกฟังเพลงผ่าน Online Music ค้นหาร้านอาหารและที่พัก รวมทั้งเรียกดูข้อมูลข่าวสารและเหตุการณ์ปัจจุบันจากเว็บไซต์ดังได้บนหน้าจอในรถ และการตรวจเช็กรถ หรือ SMART Check โดยสามารถสั่งล็อกหรือปลดล็อกประตู ตรวจสอบตำแหน่งและค้นหารถ แจ้งความผิดปกติ และแจ้งสถานะการทํางานของรถ รวมถึงระบบช่วยค้นหาศูนย์บริการ นัดหมาย และบันทึกการดูแลรักษารถยนต์ตามระยะ
ในด้านระบบความปลอดภัย MG EXTENDER ก็จัดมาเต็มไม่น้อยหน้าใคร ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างตัวถังแบบ FSF (Full Space Frame) แบบ Ultra-high Strength Body ด้วยโครงสร้างที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตขั้นสูง Thermoforming Steel ในบริเวณเสา A ไปจนถึงเสา B และโครงสร้างโดยรวมใช้เหล็กแบบ High Strength Steel ที่มีความแข็งแกร่งสูง ช่วยเพิ่มความปลอดภัย และเสริมความมั่นคงในการขับขี่ พร้อมรับทุกสภาพการใช้งาน และปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ และระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป Advanced Synchronized Protection System ที่ทำงานประสานเป็นหนึ่งเดียว
ประกอบด้วยระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรกฉุกเฉิน ABS (Anti-lock Braking System) ระบบช่วยเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist) ระบบช่วยกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake Force Distribution)ระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System)ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System) ระบบตรวจสอบความผิดปดติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System) ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC (Hill Descend Control System)ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection)และยังมีระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning System) ซึ่งหากผู้ขับขี่รำคาญก็สามารถปิดเสียงเตือนได้
นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบกุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ถุงลมนิรภัยด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัยรวม 6 ตำแหน่ง พร้อมเข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ รวมถึงกล้องมองภาพ รอบทิศทาง สัญญาณเตือนกะระยะด้านหลังและด้านหน้า และกล้องมองหลังช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ เรียกได้ว่า จัดเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยมาอย่างครบถ้วนจริงๆ
โดยภาพรวมแล้ว MG EXTENDER เป็นรถกระบะที่ให้สมรรถนะในการขับขี่ในเกณฑ์ที่ดี ให้อุปกรณ์ด้านความสะวดสบายมาอย่างเต็มที่ เพิ่มเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยมาให้เหลือล้น เหมาะสมกับการใช้งานเพื่อโดยสารในชีวิตประจำวัน อย่างไรก็ตาม ยังต้องใช้เวลามากพอสมควรในการฐานลูกค้า เนื่องจากมีการผลิตเฉพาะรถกระบะแบบตอนครึ่ง หรือ Giant Cab และแบบ 2 ตอน หรือ Double Cab ส่วนรถกระบะตอนเดียวหรือซิงเกิลแค็บ ที่เน้นการใช้งานบรรทุกเชิงพาณิชย์ ยังไม่มีแผนผลิคออกมา เนื่องจากเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูงมาก อีกทั้งเจ้าตลาดอย่างค่ายรถญี่ปุ่นใช้เวลาในการสร้างฐานลูกค้ามานานนับสิบๆปี ดังนั้น การทำตลาดของ MG EXTENDER จึงต้องทำอย่างค่อนเป็นค่อยไป สร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าในบริการหลังการขายที่มีประสิทธิภาพและทั่วถึง เน้นการบำรุงรักษาที่มีค่าใช้จ่ายต่ำในระดับใกล้เคียงกับผู้นำตลาด เพื่อเป็นข้อมูลให้ลูกค้าเปรียบเทียบในการจัดสินใจซื้อรถคันใหม่
