บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จับมือ บริษัท ยนตรทรัพย์ จำกัด บุกใจกลางย่านเศรษฐกิจของกรุงเทพฯ เปิดโชว์รูมและศูนย์บริการแห่งใหม่ “มาสด้า สาทร” บนทำเลทองย่านสาทรเหนือใกล้สวนลุมพินี ย่านธุรกิจCBD สำคัญของกรุงเทพฯ พร้อมให้บริการเลนด่วนพิเศษ FAST TRACK ตรวจเช็กระยะเพียง 60 นาที ตอบรับความต้องการลูกค้าย่านใจกลางกรุงเทพฯ ชูกลยุทธ์ให้การดูแลลูกค้าเสมือนญาติมิตร เตรียมนำรถมาสด้าภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟมาให้ลูกค้าสัมผัสอย่างใกล้ชิด
นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จากความเชื่อมั่นของลูกค้าและยอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปริมาณรถยนต์มาสด้าบนท้องถนนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มาสด้าจึงได้เดินหน้าขยายโชว์รูมและศูนย์บริการเพื่อให้บริการลูกค้าได้อย่างใกล้ชิดที่สุด วันนี้มาสด้าร่วมมือกับ บริษัท ยนตรทรัพย์ อีกหนึ่งพันธมิตรที่คลุกคลีอยู่ในแวดวงยานยนต์มากว่า 50 ปี ที่พร้อมทั้งประสบการณ์ ทีมงาน และเข้าใจความต้องการของลูกค้าในพื้นที่เป็นอย่างดี เข้ามามอบความสะดวกสบายและการบริการที่เป็นที่น่าปรารถนาให้แก่ลูกค้า โดยได้เปิดโชว์รูมและศูนย์บริการแห่งใหม่ “มาสด้า สาทร” บนทำเลศักยภาพศูนย์กลางธุรกิจ หรือ CBD ของกรุงเทพฯ ที่รายล้อมไปบริษัทชั้นนำทั้งไทยและข้ามชาติ ทั้งยังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยที่มีกลุ่มลูกค้าของมาสด้าอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น เชื่อมต่อทั้งรถไฟฟ้า BTS และ MRT เราเชื่อมั่นว่าด้วยศักยภาพของทั้งสถานที่ ทำเลที่ตั้ง และความพร้อมของศูนย์บริการแล้ว มาสด้า สาทร จะเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับกลุ่มลูกค้าใจกลางเมืองได้อย่างดี
นายสุรินทร์ แสงมณี ประธาน บริษัท ยนตรทรัพย์ จำกัด กล่าวว่า โชว์รูมและศูนย์บริการ มาสด้า สาทร ตั้งอยู่ บนถนนสาทรเหนือ โดยมีพื้นที่กว่า 2,000 ตารางเมตร ใช้งบประมาณการลงทุนกว่า 50 ล้านบาท มีช่องซ่อมมากถึง 16 ช่องซ่อม ซึ่งนับว่าเป็นจำนวนที่ค่อนข้างเยอะสำหรับโชว์รูมใจกลางเมือง ทั้งยังโดดเด่นด้วยความพร้อมในการให้บริการโดยมีทีมช่างเทคนิคผู้ชำนาญการ รวมถึงทีมงานฝ่ายขายและฝ่ายบริการที่ผ่านการควบคุมมาตรฐานอย่างเคร่งครัด และได้รับการอบรมการทำงานตามมาตรฐานมาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าอุ่นใจได้ว่ารถทุกคันจะได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด มาสด้า สาทร ยังเป็นหนึ่งในศูนย์บริการมาสด้าเพียงไม่กี่แห่ง ที่มีบริการเลนด่วนพิเศษ FAST TRACK ที่ใช้เวลาเพียง 60 นาที ในการนำรถเข้าเช็กระยะ ซึ่งคาดว่าจะสามารถตอบสนองต่อความต้องการที่เร่งด่วนของลูกค้าในเขตกรุงเทพฯ ชั้นในได้เป็นอย่างดี
นายสุรินทร์ กล่าวเสริมว่า “ภายในระยะเวลา 1 ปี เราคาดว่าจะมีลูกค้าเดินทางมาเข้ารับบริการไม่ต่ำกว่า 1,000 คันต่อเดือน และวางแผนที่จะเพิ่มจำนวนทีมงานและเปิดศูนย์ซ่อมสีและตัวถัง เพื่อให้พร้อมบริการลูกค้าได้อย่างครบถ้วนมากยิ่งขึ้น เพราะเรามองว่า ความพึงพอใจของลูกค้าคือเป้าหมายสูงสุดของการทำงาน ดังนั้น เราจึงมุ่งมั่นที่จะส่งมอบบริการที่เป็นเลิศ และพร้อมจะดูแลลูกค้าเสมือนญาติมิตร”